MSC Insight

การทำคำเสนอซื้อ - กลไกสำคัญในการเข้าครอบงำกิจการ

การทำคำเสนอซื้อคืออะไร

การทำคำเสนอซื้อ (Tender Offer) เป็นกระบวนการทางกฎหมายที่ใช้ในกรณีที่ผู้ลงทุนหรือบริษัทใดบริษัทหนึ่งต้องการเข้าซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในสัดส่วนที่มากจนถึงระดับที่มีอำนาจควบคุมกิจการ (Takeover) หรือมีผลกระทบต่อโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทนั้น โดยการทำคำเสนอซื้อมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ถือหลักทรัพย์เดิมของกิจการ (“ผู้ถือหุ้น”) และเป็นกลไกสำคัญในการป้องกันการเข้าครอบงำกิจการโดยไม่เป็นธรรม เนื่องจากลักษณะของการทำคำเสนอซื้อจะเป็นการยื่นข้อเสนอต่อผู้ถือหุ้นทุกรายเพื่อให้ผู้ถือหุ้นตัดสินใจว่าจะขายหลักทรัพย์ตามข้อเสนอหรือไม่

ตามกฎหมายเกี่ยวข้อง ได้แก่ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (รวมทั้งที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม) มีข้อกำหนดให้บุคคลใดที่ได้มาซึ่งหุ้น หรือมีสัดส่วนการถือหุ้นที่เพิ่มมากขึ้นจนถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด มีหน้าที่จะต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ตาม ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 12/2554 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ (รวมทั้งที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม) (“กฎหมายที่เกี่ยวกับการครอบงำกิจการ”)

เมื่อไหร่ที่ต้องมีการทำคำเสนอซื้อ

การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์มีไว้เพื่อป้องกันการซื้อหุ้นแบบลับ ๆ (Creeping Takeover) และเพื่อป้องกันไม่ให้มีการสะสมหุ้นทีละน้อยจนได้อำนาจควบคุมกิจการโดยที่ผู้ถือหุ้นอื่นไม่รู้ตัว ดังนั้นเมื่อมีนักลงทุนไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ต้องการเข้าซื้อหุ้นของกิจการซึ่งเป็นบริษัทที่มีหุ้นเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเข้าถือหุ้นถึงหรือข้ามจุดที่จะต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ คือ ร้อยละ 25 ร้อยละ 50 และร้อยละ 75 ของสิทธิออกเสียง (“จุดที่กฎหมายกำหนดให้ต้องทำคำเสนอซื้อ”) ทั้งหมดในกิจการ นักลงทุนรายนั้นจะมีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (“ผู้ทำคำเสนอซื้อ”) เนื่องจากสัดส่วนดังกล่าวข้างต้น เป็นสัดส่วนที่อาจส่งผลให้ผู้ทำคำเสนอซื้อเข้าไปมีอำนาจควบคุมการบริหารจัดการกิจการ ทั้งนี้ การมีอำนาจควบคุมการบริหารจัดการกิจการดังกล่าว หมายความรวมถึงทั้งกรณีที่มีอำนาจควบคุมโดยตรงและโดยอ้อม

กฎหมายที่เกี่ยวกับการครอบงำกิจการได้แบ่งการทำคำเสนอซื้อออกเป็น 4 ประเภท คือ

(1.)   การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ภายหลังการได้มาหรือเป็นผู้ถือหุ้นในลักษณะที่กฎหมายที่เกี่ยวกับการครอบงำกิจการกำหนด

 

ต้องกระทำเมื่อนักลงทุนไม่ว่าจะโดยคนเดียวหรือร่วมกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกัน หรือบุคคลที่กระทำการร่วมกัน ได้มาซึ่งหุ้นจนส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นถึงข้ามจุดที่กฎหมายกำหนดให้ต้องทำคำเสนอซื้อ

 

(2.)   การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการโดยสมัครใจ

นักลงทุนอาจทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการโดยสมัครใจได้ ในเวลาใด ๆ โดยในกรณีดังกล่าวนักลงทุนจะสามารถกำหนดเงื่อนไขบังคับก่อนที่สำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนได้ และในกรณีหากเงื่อนไขบังคับก่อนไม่สำเร็จ นักลงทุนอาจยกเลิกการทำคำเสนอซื้อได้

(3.)      การทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วน

ในกรณีที่นักลงทุนประสงค์จะซื้อหุ้นของกิจการแต่เพียงบางส่วน แต่การได้มาซึ่งหุ้นนั้นจะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นถึงหรือข้ามจุดที่กฎหมายกำหนดให้ต้องทำคำเสนอซื้อ นักลงทุนสามารถขอรับการผ่อนผันการทำคำเสนอหุ้นบางส่วนของกิจการโดยได้รับยกเว้นไม่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการในภายหลังได้ โดยยื่นคำขอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“สำนักงาน ก.ล.ต.”) โดยกรณีดังกล่าวกิจการจะต้องจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการทำคำเสนอซื้อบางส่วน และจะต้องได้รับมติอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน

 

(4.)   การทำคำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหุ้นออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

ประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง แนวทางการเพิกถอนหุ้นโดยสมัครใจ พ.ศ. 2564 กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนที่ต้องการเพิกถอนหุ้นออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะต้องจัดให้มีผู้เสนอซื้อหุ้นและหลักทรัพย์แปลงสภาพจากผู้ถือหุ้นหรือผู้ถือหลักทรัพย์นั้นเป็นการทั่วไป (“การเพิกถอน”) การเพิกถอนจึงจะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ภายใต้กฎหมายกฎหมายที่เกี่ยวกับการครอบงำกิจการเช่นกัน



ผู้ถือหุ้นควรทำอย่างไรหากได้รับข้อเสนอให้ซื้อหุ้นตามกระบวนการทำคำเสนอซื้อ

กฎหมายที่เกี่ยวกับการครอบงำกิจการกำหนดให้ในการทำคำเสนอซื้อ ผู้ทำคำเสนอซื้อต้องกำหนดระยะเวลารับซื้อหุ้นอย่างน้อย 25 วันทำการ แต่ไม่เกิน 45 วันทำการ การกำหนดดังกล่าวจะทำให้ผู้ถือหุ้นมีเวลาศึกษารายละเอียดข้อเสนอที่ได้รับเพื่อประเมินว่าข้อเสนอมีความน่าสนใจหรือไม่ และสอดคล้องกับผลประโยชน์ของตนเองหรือไม่ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะถือหลักทรัพย์ของกิจการต่อไป หรือตอบรับข้อเสนอของผู้ทำคำเสนอซื้อ นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นควรพิจารณาความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ก่อนตัดสินใจว่าจะ “รับคำเสนอซื้อ” หรือ “ไม่รับ”  ภายในกำหนดระยะเวลารับซื้อหุ้น

รายละเอียดข้อมูลที่สำคัญที่ผู้ถือหุ้นควรทราบ จะปรากฏอยู่ในเอกสารที่เชื่อถือได้ ดังนี้

• คำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (แบบ 247-4)

คำเสนอซื้อหลักทรัพย์หรือที่เรียกกันว่าแบบ 247-4 เป็นเอกสารที่ผู้ทำคำเสนอซื้อจะต้องยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต ตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการครอบงำกิจการ (“แบบคำเสนอซื้อหลักทรัพย์”) โดยแบบคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จะต้องถูกจัดเตรียมโดยที่ปรึกษาทางการเงินที่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ความเห็นชอบ

ผู้ถือหุ้นจะสามารถศึกษารายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับผู้ทำคำเสนอซื้อ ตลอดจนข้อเสนอการซื้อหลักทรัพย์ ซึ่งรวมถึง (แต่ไม่จำกัดเพียง) ราคาเสนอซื้อ ข้อตกลงและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง แผนการดำเนินธุรกิจภายหลังผู้ทำคำเสนอซื้อถือหุ้น แหล่งเงินทุนที่ใช้ในการซื้อหลักทรัพย์ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ทำคำเสนอซื้อกับกิจการ การยกเลิกเจตนาขาย หรือวิธีการตอบรับคำเสนอซื้อ ได้ในแบบคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าว

• แบบรายงานความเห็นของกิจการเกี่ยวกับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (แบบ 250-2)

กฎหมายที่เกี่ยวกับการครอบงำกิจการกำหนดให้กิจการ เมื่อได้รับแบบคำเสนอซื้อหลักทรัพย์แล้วต้องจัดทำความเห็นเกี่ยวกับคำเสนอซื้อที่ได้รับ (“รายงานความเห็นของกิจการ”) ตาม ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 40/2552 เรื่อง แบบรายการและระยะเวลาจัดทำความเห็นเกี่ยวกับคำเสนอซื้อ(รวมทั้งที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม) และจัดส่งให้แก่ผู้ถือหุ้น

ในรายงานความเห็นของกิจการ ผู้ถือหุ้นจะได้รับทราบความเห็นของคณะกรรมการบริษัท เช่น ความเห็นว่าราคาเสนอซื้อเหมาะสมหรือไม่ ผู้ถือหุ้นควรเอาหุ้นมาขายให้กับผู้ทำคำเสนอซื้อหรือไม่ รวมทั้งการวิเคราะห์ ข้อดีและข้อเสียที่เกี่ยวข้อง ความสมเหตุสมผลของแผนธุรกิจ รวมทั้งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้ถือหุ้นต่อไป

• รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ

นอกเหนือจากความเห็นของกิจการ กิจการจะต้องจัดให้มีที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระจะจัดทำรายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระให้แก่ผู้ถือหุ้น

ในการให้ความเห็นแก่ผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับคำเสนอซื้อ ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระจะพิจารณาความเหมาะสมด้านราคา ผลประโยชน์หรือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้ถือหุ้น และปัจจัยอื่น ๆ และจะให้ข้อเสนอแนะว่าผู้ถือหุ้นควรตัดสินใจตอบรับหรือปฏิเสธคำเสนอซื้อด้วยเหตุผลใด โดยผู้ถือหุ้นจะสามารถศึกษาข้อมูลได้จากรายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระนี้

สำหรับกิจการ นักลงทุน ผู้ถือหุ้น ที่ต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมทางกฎหมายเกี่ยวกับการครอบงำกิจการ อาทิ ถ้าผู้ถือหุ้นไม่ดำเนินการอะไรเลยเมื่อได้รับข้อเสนอในซื้อหุ้น จะเกิดอะไรขึ้น?…หรือ หากผู้เสนอซื้อได้หุ้นเกินเกณฑ์ที่ควบคุมกิจการได้ จะเกิดอะไรขึ้น? หรือกฎหมายอื่น ๆ เกี่ยวกับตลาดทุนในประเทศไทยเพิ่มเติม สามารถติดต่อสำนักงานกฎหมายเอ็มเอสซี อินเตอร์เนชั่นแนล ลอว์ ออฟฟิศ

ผู้เขียน

คุณวริษา โสภณพิศ

ทนายความอาวุโส

Scroll to Top