ตลาดทุนและหลักทรัพย์

ตลาดทุนและหลักทรัพย์ในประเทศไทย

ตลาดทุนคืออะไร ?

ตลาดทุนเป็นระบบทางการเงินที่เปิดโอกาสให้บริษัท รัฐบาล และนักลงทุน สามารถระดมทุนหรือลงทุนในระยะยาว ผ่านการออกและซื้อขายตราสารทางการเงิน เช่น หุ้น พันธบัตร และเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ

แตกต่างจากตลาดเงินซึ่งมุ่งเน้นการจัดหาเงินทุนระยะสั้น ตลาดทุนเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการลงทุนระยะยาวและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ในประเทศไทย ตลาดทุนอยู่ภายใต้การกำกับดูแลหลักโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และดำเนินการผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศ เชื่อมโยงระหว่างภาคธุรกิจที่ต้องการเงินทุนกับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทน ภายใต้ระบบที่โปร่งใสและมีกฎระเบียบกำกับดูแลอย่างชัดเจน

ความสำคัญและบทบาทของตลาดทุนในประเทศไทย

ตลาดทุนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในระบบการเงินและเศรษฐกิจของประเทศไทย ไม่เพียงเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์เท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกหลักที่สนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ

1. สนับสนุนการเติบโตและการขยายตัวของภาคธุรกิจ

ตลาดทุนช่วยให้บริษัทไทยสามารถระดมทุนระยะยาวเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ พัฒนาเทคโนโลยี และขยายการดำเนินงานในต่างประเทศ ผ่านรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่

  • การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO)
  • การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน หรือการจัดสรรหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement)
  • การออกตราสารหนี้และพันธบัตร
  • การจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน

กลไกเหล่านี้ช่วยให้ภาคธุรกิจมีทางเลือกในการจัดหาเงินทุนที่หลากหลายมากกว่าการกู้ยืมจากธนาคารเพียงอย่างเดียว

2. ส่งเสริมการจัดสรรเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

ตลาดทุนทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่าง “ผู้ลงทุน” และ “ผู้ออกหลักทรัพย์” ให้เงินทุนไหลไปยังธุรกิจที่มีศักยภาพและบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) และนวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ

3. ส่งเสริมความโปร่งใสและธรรมาภิบาลที่ดี

บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูล การตรวจสอบบัญชี และหลักธรรมาภิบาลที่เข้มงวดตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กำหนด
ความโปร่งใสนี้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน และยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการของภาคธุรกิจไทยโดยรวม

4. เสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

ตลาดทุนที่เข้มแข็งช่วยให้เศรษฐกิจไทยสามารถรับมือกับความผันผวนทางการเงินโลกได้ดีขึ้น ด้วยการเปิดโอกาสให้มีแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และลดการพึ่งพาหนี้สินจากภายนอกประเทศ

5. สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาประเทศ

ผ่านกลไกการลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เช่น พันธบัตรสีเขียว (Green Bonds) สินเชื่อที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืน (Sustainability-linked Loans) และกองทุน ESG
ตลาดทุนของไทยจึงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบ และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศในระยะยาว

ประเภทของตลาดทุนในประเทศไทย

(ตราสารทุนและตราสารหนี้)

ตลาดทุนไทยประกอบด้วยหลายกลุ่มย่อยที่รองรับความต้องการเงินทุนและความชอบของนักลงทุนที่แตกต่างกัน โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น ตลาดทุนตราสารทุน (Equity Capital Market – ECM) และ ตลาดทุนตราสารหนี้ (Debt Capital Market – DCM)

1. ตลาดทุนตราสารทุน (Equity Capital Market – ECM)

ตลาดตราสารทุนเน้นเครื่องมือทางการเงินที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของในบริษัท

ประเภทหลักของตราสารทุน

  • หุ้นสามัญ (Common Shares): ให้สิทธิความเป็นเจ้าของ สิทธิออกเสียง และสิทธิรับเงินปันผล
  • หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Shares): ให้เงินปันผลคงที่และสิทธิพิเศษบางอย่างเหนือหุ้นสามัญ
  • ตราสารรับฝาก (Depository Receipts – DRs): ช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศในตลาดท้องถิ่นได้
  • กองทุนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (Exchange-Traded Funds – ETFs): เป็นการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงตามดัชนีที่เฉพาะเจาะจง

ตลาดหลักสำหรับตราสารทุนในไทย

  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) – สำหรับบริษัทขนาดใหญ่และบริษัทที่มีความมั่นคง
  • ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) – สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพการเติบโต

2. ตลาดทุนตราสารหนี้ (Debt Capital Market – DCM)

ตลาดตราสารหนี้เกี่ยวข้องกับเครื่องมือทางการเงินที่แสดงถึงภาระหนี้ โดยผู้ออกตราสารสัญญาว่าจะชำระคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่นักลงทุน

ประเภทหลักของตราสารหนี้

  • พันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัท (Corporate Bonds and Debentures)
  • พันธบัตรรัฐบาลและตั๋วเงินคลัง (Government Bonds and Treasury Bills)
  • โครงการ Medium-Term Note (MTN Programs)
  • พันธบัตรแปลงสภาพ (Convertible Bonds), พันธบัตรถาวร (Perpetual Bonds), และ Debentures รอง (Subordinated Debentures)

ตลาดตราสารหนี้ในไทยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สำนักงาน ก.ล.ต. และได้รับการสนับสนุนจาก สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เพื่อให้การซื้อขายเป็นธรรมและรายงานผลตอบแทนอย่างถูกต้อง

โอกาสสำหรับบริษัทไทย

สำหรับธุรกิจไทย การเข้าร่วมตลาดทุนมอบข้อได้เปรียบทั้งในด้านกลยุทธ์และการเงินหลายประการ ดังนี้

1. การเข้าถึงเงินทุนระยะยาว

การระดมทุนผ่านตลาดทุนช่วยลดการพึ่งพาการกู้ยืมจากธนาคาร ทำให้สามารถบริหารอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt-to-Equity Ratio) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. การยกระดับภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของบริษัท

การเป็นบริษัทจดทะเบียนเพิ่มการมองเห็นต่อสาธารณะ เสริมสร้างชื่อเสียงแบรนด์ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ

3. สภาพคล่องสำหรับผู้ถือหุ้น

การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นและผู้ก่อตั้งสามารถแปรสภาพหุ้นบางส่วนเป็นเงินสดได้ โดยยังคงควบคุมการบริหารธุรกิจอยู่

4. การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

ตลาดทุนที่โปร่งใสและมีกฎเกณฑ์กำกับดูแลที่ชัดเจนช่วยดึงดูดนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ สร้างโอกาสในการร่วมทุนข้ามชาติและกระแสเงินทุนเข้าไทย

5. อำนวยความสะดวกในการควบรวมกิจการและการร่วมทุน

บริษัทที่จดทะเบียนและมีมูลค่าชัดเจนสามารถทำการควบรวมกิจการ (M&A) และสร้างความร่วมมือแบบ Joint Venture ได้ง่ายขึ้น ช่วยส่งเสริมการรวมตัวของตลาดและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

ผู้เล่นหลักในตลาดทุนไทย

ตลาดทุนไทยได้รับการสนับสนุนโดยสถาบันและผู้เข้าร่วมหลักหลายฝ่าย ซึ่งแต่ละฝ่ายมีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพและความโปร่งใสของตลาด

ผู้เข้าร่วมบทบาทและความรับผิดชอบ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)กำกับดูแลการออกตราสาร การซื้อขาย และข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูล
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)จัดให้มีแพลตฟอร์มการซื้อขายตราสารทุนและตราสารหนี้
ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)อำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนสำหรับ SMEs และธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูง
สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA)กำกับการซื้อขายตราสารหนี้และรายงานราคาตราสาร
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (TSD)ดูแลการชำระบัญชี การเคลียร์ และการจดทะเบียนหลักทรัพย์
ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Financial Advisors & Underwriters)สนับสนุนผู้ออกตราสารในด้านการตรวจสอบสถานะบริษัท (Due Diligence) การประเมินมูลค่า และเอกสารการเสนอขาย
นักลงทุน (สถาบันและรายย่อย)จัดหาเงินทุนผ่านการซื้อขายตราสาร
สำนักงานกฎหมายและผู้สอบบัญชี (Law Firms and Auditors)รับประกันการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดทางการเงินในธุรกรรมตลาดทุน

สำนักงานกฎหมาย MSC International Law Office – บริการด้านกฎหมายตลาดทุน

ที่สำนักงานกฎหมาย MSC International Law Office เราให้บริการด้านกฎหมายตลาดทุนและหลักทรัพย์อย่างครบวงจร เพื่อสนับสนุนลูกค้าในทุกขั้นตอนของการระดมทุน ตั้งแต่การวางแผน IPO จนถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดหลังการจดทะเบียน

บริการของเรา

1. ตลาดทุนตราสารทุน (Equity Capital Markets – ECM)

  • การเสนอขายหุ้น IPO และการจดทะเบียนใน SET หรือ mai
  • การจัดโครงสร้างกฎหมายก่อน IPO และการจัดการสัดส่วนผู้ถือหุ้น
  • การจัดทำหนังสือชี้ชวนและการยื่นเอกสารต่อ ก.ล.ต.
  • การตรวจสอบสถานะทางกฎหมาย (Legal Due Diligence) และการปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล
  • การจดทะเบียนข้ามประเทศใน HKEX, SGX และตลาดหลักทรัพย์ระหว่างประเทศอื่น ๆ

2. ตลาดทุนตราสารหนี้ (Debt Capital Markets – DCM)

  • การออกพันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงิน (ทั้งแบบสาธารณะและส่วนตัว)
  • โครงการ Medium-Term Note (MTN)
  • การจัดทำเอกสารทางกฎหมาย หนังสือกองทุน และการยื่นเอกสารต่อ ก.ล.ต.
  • การจัดโครงสร้างพันธบัตรแปลงสภาพ (Convertible) และพันธบัตรถาวร (Perpetual)
  • การออกตราสารหนี้ข้ามประเทศและการปฏิบัติตามข้อกำหนดสกุลเงินต่างประเทศ
  1. บริการให้คำปรึกษาอื่น ๆ ในตลาดทุน
  • การจัดตั้ง REITs, กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการออกโทเคนดิจิทัล (ICO/STO)
  • การปฏิบัติตามข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูลของ ก.ล.ต. และ SET อย่างต่อเนื่อง
  • ให้คำปรึกษาสำหรับที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และบริษัทจดทะเบียน

ทีมงานของเราผสานความเข้าใจด้านกฎระเบียบเข้ากับมุมมองเชิงพาณิชย์ เพื่อมอบโซลูชันทางกฎหมายที่ปรับให้เหมาะสม ใช้งานได้จริง และสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าในประเทศไทยและทั่วเอเชีย

MSC at public event

Scroll to Top