คุณณัฐยา ตันติรังสี

ประวัติ

คุณณัฐยา ตันติรังสี

ทนายความหุ้นส่วน

คุณณัฐยา เป็นทนายความหุ้นส่วนของสำนักงาน ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 13 ปี ในการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ, ตลาดทุนตราสารทุนและตราสารหนี้ การกำกับดูแลกิจการ องค์กรและการพาณิชย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)

ก่อนหน้านี้ คุณณัฐยาเคยดำรงตำแหน่งทนายความในด้านองค์กรและพาณิชยกรรมที่บริษัท สำนักกฎหมายสากลสยามพรีเมียร์ จำกัด เป็นทนายความในด้านตลาดทุนและการกำกับดูแลกิจการที่บริษัท วีรวงศ์ ชินวัฒน์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด และเป็นทนายความอาวุโสในด้านการควบรวมกิจการ ตลาดทุนตราสารทุนและตราสารหนี้ และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ที่บริษัท กุดั่น แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด

ตลาดทุนและหลักทรัพย์

การควบรวมกิจการ

กฎหมายองกค์กรธุรกิจ

บทความโดยคุณณัฐยา

ทุกๆบทความได้รับการวิจัยอย่างพิถีพิถันจากความเชี่ยวชาญ ความมุ่งมั่น และวิสัยทัศน์ของทีมงานของเรา ซึ่งสะท้อนถึงความรู้ความเข้าใจที่เป็นแรงขับเคลื่อนในทุกสิ่งที่เราทำ

ประวัติการศึกษา

  • นิติศาสตร์มหาบัณฑิต จากวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ ลอนดอน (LSE)
  • นิติศาสตร์บัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง)

ประวัติการทำงาน

ใบอนุญาต

  • ใบอนุญาตที่ปรึกษาทางการเงิน จากสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (FA License)

ใบรับรอง

  • ประกาศนียบัตรหลักสูตรกรรมการบริษัทจดทะเบียน (DAP) 190/2022 จากสถาบันส่งเสริมกรรมการบริษัทไทย
  • ประกาศนียบัตรหลักสูตรเลขานุการบริษัท จากสถาบันส่งเสริมกรรมการบริษัทไทย
  • ประกาศนียบัตรหลักสูตรการรายงานของบริษัท จากสถาบันส่งเสริมกรรมการบริษัทไทย
  • ประกาศนียบัตรหลักสูตรการรายงานของคณะกรรมการ จากสถาบันส่งเสริมกรรมการบริษัทไทย

กิจกรรม

  • ผู้บรรยายของ ALB Virtual Thailand In-house Legal Summit 2021 ในหัวข้อเรื่อง Data Protection Law
  • ผู้บรรยายการฝึกอบรมออนไลน์ให้แก่พนักงานของ บริษัท พานาโซนิค แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด
    ในหัวข้อเรื่อง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA)
  • ผู้บรรยายการสัมมนาให้แก่นักศึกษาและพนักงานของมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล ในหัวข้อเรื่อง ภาษีและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับคนไทยและต่างประเทศ

ประสบการณ์การทำหน้าที่ล่าสุด

คุณณัฐยา เป็นทนายความหุ้นส่วนของสำนักงาน ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 13 ปีในการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าใน การออกและเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) และการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVE Exchange) ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) อีกทั้งยังมีประสบการณ์ในด้านตลาดทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการเสนอขายหลักทรัพย์ภายใต้
กฎ 144A/Regulation S ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา และการเสนอขายหลักทรัพย์และ
จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX-ST) และตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย (Bursa Malaysia) นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาด้านการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัท การควบรวมกิจการ การกำกับดูแลกิจการ องค์กรและการพาณิชย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)

ประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาทางธุรกรรม

ด้านตลาดทุนและหลักทรัพย์ (Capital Markets and Securities)

  • ให้คำปรึกษาแก่ KJTS Group Berhad (“KJTS”) บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในฐานะผู้รับเหมางานระบบระบายอากาศแบบกลไกการปรับอากาศ ให้บริการด้านการบริหารจัดการพลังงานและทรัพยากรอาคาร ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยให้คำปรึกษาในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซา มาเลเซีย (ACE Market of Bursa Malaysia) ในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เบอร์ซา มาเลเซีย วันแรกราคาสูงสุดของหุ้น KJTS อยู่ที่ 50 ริงกิตมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.23 ริงกิตมาเลเซีย หรือ 85.19% จากราคา IPO ที่หุ้นละ 0.27 ริงกิตมาเลเซีย คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 58.86 ล้านริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 12.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำในการสร้างนวัตกรรมเพื่อพัฒนาธุรกิจด้วย Low-Code แห่งแรกของไทยและเอเชีย โดยให้บริการพัฒนาแอปพลิเคชั่นผ่านการโค้ดดิ้งแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ด้วย IT Solutions โดยให้คำปรึกษาในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์รวมไปถึงการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) วันแรกราคาเปิดอยู่ที่ 50 บาท เพิ่มขึ้น 10.50 บาท หรือ 61.76% จากราคา IPO ที่หุ้นละ 17.00 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 425 ล้านบาท (ประมาณ 12.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) (“NRF”) ผู้ผลิตอาหารที่ผลิตอย่างยั่งยืนชั้นนำระดับโลกโดยเน้นที่ 1) ชาติพันธุ์ 2) จากพืช และ 3) อาหารที่มีประโยชน์ โดยให้บริการที่ปรึกษาเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้หุ้นกู้ 1 ชุด (NRF254A) โดยมีมูลหนี้หลักจำนวน 1,300 ล้านบาท (ประมาณ 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท สบายเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (“SABUY”) บริษัทหนึ่งในผู้นำธุรกิจตู้เติมเงินและตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ โดยให้บริการและขายตู้เติมเงินอัตโนมัติ ขายสินค้าผ่านตู้เติมเงินอัตโนมัติ ระบบบริการศูนย์อาหาร และให้บริการการชำระเงิน โดยให้บริการที่ปรึกษาเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้หุ้นกู้ 4 ชุดที่ยังค้างอยู่ (SABUY258A, SABUY254A, SABUY24DA และ SABUY263A) ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2024 โดยมีมูลหนี้หลักจำนวน 4,000 ล้านบาท (ประมาณ 93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) การปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวประกอบด้วยการขยายระยะเวลาชำระหนี้และการปรับอัตราดอกเบี้ย การปรับโครงสร้างหนี้ครั้งนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงตามแผนการฟื้นฟูธุรกิจและการแปลงโฉมธุรกิจภายใต้ทีมบริหารชุดใหม่ของ SABUY
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ในด้านการก่อสร้างบ้าน ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ ในการเข้าทำธุรกรรมเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2568 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 135 ล้านบาท (ประมาณ 92 ล้านเหรียญสหรัฐ)
  • ให้คำปรึกษาแก่ เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย
    โดยให้บริการที่ปรึกษาเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2567 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันในวงจำกัดไม่เกิน 10 ราย (PP10) มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 200 ล้านบาท (ประมาณ 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท วอเตอร์เกท โฮเต็ล จำกัด ในเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของหุ้นกู้
    ครั้งที่ 1/2562 โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการแก้ไขข้อกำหนดสิทธิในส่วนที่เกี่ยวกับการขยายระยะเวลาชำระหนี้และหลักประกัน การจดทะเบียนแก้ไขทรัพย์สินที่จำนอง และการจดทะเบียนปลอดจำนองสำหรับ หุ้นกู้มีประกันของบริษัท ครั้งที่ 1/2562 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2566 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิ
    ไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน โดยมีมูลค่าของการเสนอขายทั้งสิ้น 300 ล้านบาทหรือ (ประมาณ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ)
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงพลังงานหมุนเวียน และให้บริการด้านวิศวกรรม โดยกลุ่มบริษัทฯ ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในการเข้าทำธุรกรรมเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้
    ครั้งที่ 2/2566 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย มูลค่าทั้งสิ้น 300 ล้านบาท (ประมาณ 6 ล้านเหรียญสหรัฐ)
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงพลังงานหมุนเวียน และให้บริการด้านวิศวกรรม โดยกลุ่มบริษัทฯ ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในการเข้าทำธุรกรรมเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้
    ครั้งที่ 1/2566 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย มูลค่าทั้งสิ้น 400 ล้านบาท (ประมาณ 6 ล้านเหรียญสหรัฐ)
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงพลังงานหมุนเวียน และให้บริการด้านวิศวกรรม โดยกลุ่มบริษัทฯ ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในการเข้าทำธุรกรรมเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2565 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย มูลค่าทั้งสิ้น 500 ล้านบาท (ประมาณ 14 ล้านเหรียญสหรัฐ)
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ในด้านการก่อสร้างบ้าน ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ ในการเข้าทำธุรกรรมเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2565 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย มูลค่าทั้งสิ้น 120 ล้านบาท (ประมาณ 3 ล้านเหรียญสหรัฐ)

ด้านการควบรวมกิจการ (Mergers & Acquisitions)

  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“DITTO”) ผู้ให้บริการทางด้านระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลแบบครบวงจร (Data & Document Management), การบริหารระบบงาน (Business Process Outsourcing), Data Security, เทคโนโลยีด้านสภาพอากาศ (Climate Technology), คาร์บอนเครดิต และรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยี (Technology Devices & Engineering) โดยให้คำปรึกษาในการลงทุนในหุ้นสามัญบริษัท โสมาภา อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) จำนวน 45,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 18 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 1,080,000,000 บาท จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อทำการชำระค่าหุ้น ภายใต้กระบวนการโอนกิจการทั้งหมด (“Entire Business Transfer” หรือ “EBT”) โดยบริษัทจะทำการชำระค่าตอบแทนสำหรับการรับโอนกิจการ ด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ของบริษัท ในราคาต่อหุ้นเท่ากับราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ย้อนหลังเจ็ดวันทำการติดต่อกัน ก่อนวันกำหนดราคาเสนอขายหุ้น จำนวนไม่เกิน 27,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 50 บาท รวมเป็นมูลค่าไม่เกิน 1,080 ล้านบาท (ประมาณ 30.28 ล้านเหรียญสหรัฐ)
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ซินเนอจี้ เอสเตท จำกัด ที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายไปซึ่งหุ้น และรายการที่เกี่ยวโยงกัน โดยการจำหน่ายหุ้นที่ถืออยู่ใน บริษัท โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว จำกัด (“BGA”) ให้แก่บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (“TITLE”) ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท ในจำนวน 900,000 หุ้น โดยคิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ BGA ในราคาซื้อขายมูลค่ารวมทั้งสิ้น 367,724,980 บาท (ประมาณ 31 เหรียญสหรัฐ)
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ทั้งทางทะเล ทางอากาศ และการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transport Operation) รวมถึงการให้บริการให้เช่าคลังสินค้า การให้บริการขนส่งทางบก การให้บริการด้านพิธีการศุลกากร และบริการอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการให้บริการโลจิสติกส์ โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในประเทศมาเลเซียชื่อ Sino Worldwide Logistics Sdn. Bhd รวมไปถึงการจัดเตรียมสัญญากิจการค้าร่วมสำหรับการลงทุนในบริษัทร่วมทุน ซึ่งบริษัทร่วมทุนมีทุนจดทะเบียนจำนวน MYR 900,000 ซึ่งประกอบด้วยหุ้นจำนวน 900,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ MYR 1.00
    มูลค่าธุรกรรมรวมทั้งสิ้น MYR 900,000 (ประมาณ 189,843 เหรียญสหรัฐ)
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ทีคิวอาร์ จำกัด (มหาชน) (“TQR”) ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านการจัดหาสัญญาประกันภัยต่อและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย รวมไปถึงการพัฒนาธุรกิจอย่างครบวงจร ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากบริษัทประกันภัยชั้นนำในประเทศไทยในการให้บริการ โดยให้คำปรึกษาในการขุ้นในหุ้นสามัญของบริษัท อัลฟ่าเซค จำกัด โดยการเข้าซื้อหุ้นเดิมของบริษัท อัลฟ่าเซค จำกัด จำนวน 88,235 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 15 ล้านบาท และซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 88,236 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 15 ล้านบาท รวมเป็น 176,471 หุ้น ซึ่งภายหลังการเข้าลงทุนดังกล่าวจะทำให้ TQR มีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 00 โดยมีมูลค่าการเข้าลงทุนทั้งสิ้น 30,000,070 บาท (ประมาณ 850,703 เหรียญสหรัฐ)
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท สบายเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) บริษัทหนึ่งในผู้นำธุรกิจตู้เติมเงินและตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ โดยให้บริการและขายตู้เติมเงินอัตโนมัติ ขายสินค้าผ่านตู้เติมเงินอัตโนมัติ ระบบบริการศูนย์อาหาร และให้บริการการชำระเงิน เกี่ยวกับการซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท ทีบีเอสพี จำกัด (มหาชน)
    (“TBSP”) จากบริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (“TKS”) ซึ่งภายหลังจากการเข้าลงทุนโดยการซื้อหุ้นสามัญ ของ TBSP จะทำให้บริษัทฯ ถือหุ้นใน TBSP จำนวน 150,061, 118 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 48 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดของ TBSP ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 2,005,022,000 บาท (ประมาณ 66 ล้านเหรียญสหรัฐ) และจำหน่ายหุ้นของบริษัท เวนดิ้ง พลัส จำกัด (“VDP”) ซึ่งบริษัทฯ
    ถืออยู่จำนวน 2,583, 720 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 86.12 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของ VDP ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการตู้จำหน่ายเครื่องดื่มและสินค้าาอัตโนมัติ ให้แก่ TBSP ด้วยมูลค่าการขาย 1,022,522,000 บาท (ประมาณ 34 ล้านเหรียญสหรัฐ)
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท สบายเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) บริษัทหนึ่งในผู้นำธุรกิจตู้เติมเงินและตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ โดยให้บริการและขายตู้เติมเงินอัตโนมัติ ขายสินค้าผ่านตู้เติมเงินอัตโนมัติ ระบบบริการศูนย์อาหาร และให้บริการการชำระเงิน ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อหุ้นในบริษัทเป้าหมาย ดังนี้ 1) การเข้าซื้อหุ้นในบริษัท นครหลวง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (“NCAP”) โดยการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ NKON จำนวน 311,699,434 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้ว ทุนที่ชำระแล้วภายหลังการเสนอขายให้แก่บริษัท ในราคาหุ้นละ 50 บาท มูลค่าเสนอขายรวม 779.248 ล้านบาท (ประมาณ 22.52 ล้านเหรียญสหรัฐ) และ 2) การเข้าซื้อหุ้นในบริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด (“BZB”) โดยการซื้อหุ้นสามัญของ BZB จากผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท จำนวน 574,500 หุ้น มูลค่า 970.80 ล้านบาท (ประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายหลังจากบริษัทได้ซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นเดิมของ BZB บริษัทจะเป็นเจ้าของหุ้น BZB จำนวน 574,500 หุ้น หรือร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของ BZB
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท สบายเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) บริษัทหนึ่งในผู้นำธุรกิจตู้เติมเงินและตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ โดยให้บริการและขายตู้เติมเงินอัตโนมัติ ขายสินค้าผ่านตู้เติมเงินอัตโนมัติ ระบบบริการศูนย์อาหาร และให้บริการการชำระเงิน ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อหุ้นในบริษัท ไอซอฟเทล (ประเทศไทย) จำกัด (“iSoftel”) และบริษัท ซอฟต์เทล คอมมูนิเคชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด (“Softel”) โดยการซื้อหุ้นสามัญจำนวน 25,010 หุ้นของ iSoftel ในสัดส่วนร้อยละ 51 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ iSoftel ซึ่ง
    ถือหุ้นใน Softel ในสัดส่วนร้อยละ 99 จากบริษัท ไอ เอส เอฟ โฮลดิ้ง จำกัด (“ISF Holding”) ทั้งนี้ ISF Holding จะโอนกิจการทั้งหมดให้กับ Sabuy โดย Sabuy จะชำระโดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 8,742,857 หุ้น ให้กับ ISF Holding ในราคาเสนอขายหุ้นละ 28 บาท รวมเป็นเงิน 244.8 ล้านบาท (ประมาณ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ)
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท สบายเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) บริษัทหนึ่งในผู้นำธุรกิจตู้เติมเงินและตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ โดยให้บริการและขายตู้เติมเงินอัตโนมัติ ขายสินค้าผ่านตู้เติมเงินอัตโนมัติ ระบบบริการศูนย์อาหาร และให้บริการการชำระเงิน โดยให้บริการที่ปรึกษาเกี่ยวกับการได้มาซึ่งหุ้นในบริษัท อุ๊ปส์ เน็ตเวิรค์ จำกัด (“MKO”) โดยการซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วนร้อยละ 50 ของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดของ MKO นอกจากนี้ บริษัทยังได้ลงทุนในบริษัท เรดเฮ้าส์ ดิจิทัล จำกัด (“RH”) โดยการซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วนร้อยละ 50 ของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดของ RH โดยการซื้อและรับโอนทรัพย์สินและหนี้สินทางธุรกิจทั้งหมดจาก บริษัท อุ๊ปส์ มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด (“MKO Holding”) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับธุรกรรมการลงทุนใน MKO และ RH และค่าตอบแทนในการซื้อและรับซื้อกิจการทั้งหมดของ MKO Holding จะชำระโดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 3,571,428 หุ้นให้กับ MKO Holding ในราคาหุ้นละ 28 บาท รวมเป็นเงิน 99 ล้านบาท (ประมาณ 2.8 ล้านเหรียญสหรัฐ)
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท สบายเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (“Sabuy”) บริษัทหนึ่งในผู้นำธุรกิจตู้เติมเงินและตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ โดยให้บริการและขายตู้เติมเงินอัตโนมัติ ขายสินค้าผ่านตู้เติมเงินอัตโนมัติ ระบบบริการศูนย์อาหาร และให้บริการการชำระเงิน เกี่ยวกับการให้ บริษัท สบาย แคปปิตอล พลัส จำกัด (“SBCAP”) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของ Sabuy เข้าซื้อหุ้นสามัญใน บริษัท เลิฟ ลิสซิ่ง จำกัด (“LoveLeasing”) จำนวนไม่เกิน 1,540,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 100 ของหุ้นทั้งหมด โดยมีมูลค่าการขายทั้งสิ้นจำนวนไม่เกิน 400,000,000 บาท (ประมาณ 94 ล้านเหรียญสหรัฐ)

ด้านกฎหมายองค์กรธุรกิจ (Corporate and Commercial)

  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน)โดยเป็นที่ปรึกษากฎหมายในการให้คำแนะนำทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการของบริษัท โครงสร้างบริษัท การบริหารจัดการบริษัทที่ปรึกษาคณะกรรมการ และระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท พานาโซนิค แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยให้บริการที่ปรึกษากฎหมายด้านกฎหมายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย พ.ศ. 2562 (2019) (“PDPA”).
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท มิวซ์ อินโนเวชั่น จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์เว็บไซต์ และ
    แอปพลิเคชันสัญชาติไทยแบบครบวงจรให้กับธุรกิจต่าง ๆ โดยให้บริการที่ปรึกษาในด้านการร่างและตรวจสอบสัญญาของบริษัท
  • ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) โดยให้บริการด้านกฎหมายเกี่ยวกับการร่างสัญญา

รูปถ่ายของคุณณัฐยา

Scroll to Top