คุณสวิตา สุวรรณสวัสดิ์
ประวัติ
คุณสวิตา สุวรรณสวัสดิ์
ประธานกรรมการบริหาร / ทนายความหุ้นส่วนผู้จัดการ
คุณสวิตา เป็น Managing Partner ของสำนักงาน มีความเชี่ยวชาญในด้านกฎหมายตลาดทุนและหลักทรัพย์
การกำกับดูแลกิจการ งานที่ปรึกษาคณะกรรมการ และการควบรวมและการซื้อกิจการในภาคธุรกิจพลังงาน
การจัดการบริษัท กฎหมายเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และการสื่อสารโทรคมนาคม คุณสวิตามีประสบการณ์มากกว่า 18 ปีในการให้คำปรึกษาแก่ลูกความเกี่ยวกับตลาดทุนและกฎหมายหลักทรัพย์ในประเทศไทย โดยงานของคุณสวิตาได้ช่วยสนับสนุนลูกความจำนวนมากในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ซึ่งประกอบด้วย ลูกความในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจแปรรูปอาหาร และธุรกิจสายการบิน อีกทั้ง คุณสวิตายังได้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์ให้กับประชาชนทั่วไป ทั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และในประเทศภายใต้กฎ Rule 144A/Regulation S ,กฎและข้อบังคับของ SGX-ST และ หลักเกณฑ์การกำกับดูแลกิจการที่ดีของประเทศสิงคโปร์ ประจำปี 2555 และข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ก่อนหน้านี้คุณสวิตา เคยดำรงตำแหน่งทนายความอาวุโส ของบริษัท วีระวงค์, ชินวัฒน์ และพาร์ทเนอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในประเทศไทย และทนายความอาวุโส ของบริษัท ฮันตัน แอนดรูส์ เคิร์ท (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นสำนักงานกฎหมายระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพฯ
ตลาดทุนและหลักทรัพย์
การควบรวมกิจการ
กฎหมายองกค์กรธุรกิจ
การดำเนินคดี
บทความโดยคุณสวิตา
ทุกๆบทความได้รับการวิจัยอย่างพิถีพิถันจากความเชี่ยวชาญ ความมุ่งมั่น และวิสัยทัศน์ของทีมงานของเรา ซึ่งสะท้อนถึงความรู้ความเข้าใจที่เป็นแรงขับเคลื่อนในทุกสิ่งที่เราทำ
ประวัติการศึกษา
- ปริญญาโท สาขาการจัดการภาครัฐ และเอกชนจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
- นิติศาสตร์มหาบัณฑิต (กฎหมายการค้าระหว่างประเทศ) จากมหาวิทยาลัยเอสเซ็กส์ ประเทศอังกฤษ
- นิติศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ประวัติการทำงาน
- 2566 – ปัจจุบัน: กรรมการรัฐวิสาหกิจ (Director Pool) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
- 2565 – ปัจจุบัน: กรรมการอิสระ กรรมการตรวจสอบ และกรรมการบริหารความเสี่ยง บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
- 2565 – ปัจจุบัน: กรรมการ บริษัท เอ็มเอสซี อ็อคชั่น จำกัด
- 2564 – ปัจจุบัน: กรรมการ บริษัท คลีน แอนด์ โก จำกัด
- 2563 – ปัจจุบัน: กรรมการ บริษัท เอ็มเอสซี โฮลดิ้ง จำกัด
- 2563 – ปัจจุบัน: กรรมการ บริษัท แรมเซีย 2020 จำกัด
- 2563 – ปัจจุบัน: กรรมการ บริษัท ดูเดย์วัน จำกัด
- 2563 – ปัจจุบัน: กรรมการ บริษัท สไปเดอเรชั่น จำกัด
- 2562 – ปัจจุบัน: กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มเอสซี อินเตอร์เนชั่นแนล ลอว์ ออฟฟิศ จำกัด
- 2562 –2664: ประธานกรรมการ และกรรมการอิสระ บริษัท เอ เอ อีเลคทริ ไล จำกัด (มหาชน)
- 2563 – 2564: กรรมการอิสระ และกรรมการตรวจสอบ บริษัท ทรีซิกตี้ไฟว์ จำกัด (มหาชน)
- 2560 – 2562: ทนายความอาวุโส บริษัท ฮันตัน แอนดรูส์ เคิร์ท (ไทยแลนด์) จำกัด ด้านกฎหมายตลาดทุนและหลักทรัพย์ และการควบรวมกิจการ
- 2558 – 2560: ทนายความอาวุโส บริษัท วีระวงค์, ชินวัฒน์ และพาร์ทเนอร์ส จำกัด ด้านการกำกับดูแลกิจการ และด้านกฎหมายตลาดทุนและหลักทรัพย์
- 2554 – 2557: ทนายความ บริษัท วีระวงค์, ชินวัฒน์ และพาร์ทเนอร์ส จำกัด ให้คำปรึกษาในด้านการกำกับดูแลกิจการ และด้านกฎหมายตลาดทุนและหลักทรัพย์
- 2550 – 2553: ผู้จัดการ สมาคมบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- 2549 – 2550: เจ้าหน้าที่ด้านกฎหมาย บริษัท แอสเซท โปร เมเนจเม้นท์ จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงิน
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
- ใบอนุญาตว่าความ พ.ศ. 2551 จากสภาทนายความแห่งประเทศไทย
สมาชิก
- สมาชิกสภาทนายความแห่งประเทศไทย
- สมาชิกวิสามัญเนติบัณฑิตยสภา
- สมาชิกสถาบันส่งเสริมกรรมการบริษัทไทย
รางวัล
- จัดอันดับอยู่ใน Band 4 ในด้าน Capital markets ของประเทศไทย จาก Chambers and Partners ประจำปี 2568
- รางวัล Highly Regarded Lawyer ในด้านตลาดทุนและการควบรวมกิจการ (Capital Markets and M&A) ประจำปี 2567 จาก IFLR1000
- รางวัล Next Generation Lawyer ในด้านการกำกับดูแลกิจการและตลาดทุน ประจำปี 2559, 2560 และ 2561 จาก Asia-Pacific Legal 500
- รางวัล Next Generation Partner ในด้านตลาดทุน ประจำปี 2562 จาก Asia-Pacific Legal 500
ใบรับรอง
- หลักสูตรประกาศนียบัตรสำหรับกรรมการบริษัทจดทะเบียน (DAP) 168/2020 จากสถาบันส่งเสริมกรรมการบริษัทไทย
- หลักสูตรประกาศนียบัตรสำหรับกรรมการบริษัทจดทะเบียน (DCP) 292/2020 จากสถาบันส่งเสริมกรรมการบริษัทไทย
กิจกรรม
- ผู้บรรยายของสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ตั้งแต่ปี 2556 ถึง ปัจจุบัน
ประสบการณ์การทำหน้าที่ล่าสุด
คุณสวิตา มีประสบการณ์มากกว่า 18 ปี ในการให้คำปรึกษาแก่ลูกความเกี่ยวกับกฎหมายตลาดทุน และกฎหมายหลักทรัพย์ในประเทศไทย โดยมีลูกความจำนวนมาก และลูกความดังกล่าวประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ซึ่งประกอบด้วย ลูกความในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอาหาร ธุรกิจการแพทย์และโรงพยาบาล ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจสายการบิน และธุรกิจประกันภัย
นอกจากนี้ คุณสวิตายังมีความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์ให้กับประชาชนทั่วไปและการนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศภายใต้กฎ Rule 144A/Regulation S, กฎและข้อบังคับของ SGX-ST และ หลักเกณฑ์การกำกับดูแลกิจการที่ดีของสิงคโปร์
ปัจจุบัน คุณสวิตาเป็นผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารของบริษัท เอ็มเอสซี อินเตอร์เนชั่นแนล ลอว์ ออฟฟิศ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษากฎหมายที่ให้บริการแบบครบวงจร โดยให้คำปรึกษาในการทำธุรกรรมทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยให้บริการงานที่ปรึกษากฎหมายเกี่ยวข้องกับตลาดทุนไทย รวมถึงเป็นที่ปรึกษาให้แก่ลูกความในวงกว้าง ทั้งงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการ (Projects) การพัฒนาด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน (Energy and Infrastructure Development) การควบรวมกิจการ (M&A) กฎระเบียบข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Stock Market Regulations) การซื้อขายหลักทรัพย์ (Securities Exchange) กฎระเบียบของภาครัฐ (Government Regulations) การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment) และการฟื้นฟูกิจการของบริษัท (Corporate Rehabilitation)
ประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาทางธุรกรรม
ด้านตลาดทุนและหลักทรัพย์ (Capital Markets and Securities)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เอเชีย เวลท์ โฮลดิ้ง จำกัด โดยให้บริการที่ปรึกษากฎหมายเกี่ยวกับหลักทรัพย์และการกำกับดูแลตามกฎระเบียบ เกี่ยวกับสถานะบริษัทโฮลดิ้ง
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท หลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด โดยให้บริการที่ปรึกษากฎหมายเกี่ยวกับหลักทรัพย์และการกำกับดูแลตามกฎระเบียบ เกี่ยวกับใบอนุญาตบริษัทหลักทรัพย์ ใบอนุญาตหลักทรัพย์ทางการเงิน ใบอนุญาตนายหน้า และใบอนุญาตนักวิเคราะห์การลงทุน
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท หลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) โดยให้บริการที่ปรึกษากฎหมายด้านหลักทรัพย์และการกำกับดูแลตามกฎระเบียบ เกี่ยวสถานะบริษัทโฮลดิ้ง ใบอนุญาตบริษัทหลักทรัพย์ ใบอนุญาตหลักทรัพย์ทางการเงิน ใบอนุญาตนายหน้า และใบอนุญาตนักวิเคราะห์การลงทุน และให้บริการทางกฎหมายในฐานะเลขานุการบริษัท
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) โดยให้บริการให้คำปรึกษาด้านกฎหมายเกี่ยวกับกฎระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทย หลักทรัพย์และการกำกับดูแลตามกฎระเบียบที่เกี่ยวกับการออกสินทรัพย์ดิจิทัล
- ให้คำปรึกษาแก่ KJTS Group Berhad (“KJTS”) บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในฐานะผู้รับเหมางานระบบระบายอากาศแบบกลไกการปรับอากาศ ให้บริการด้านการบริหารจัดการพลังงานและทรัพยากรอาคาร ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยให้คำปรึกษาในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซา มาเลเซีย (ACE Market of Bursa Malaysia) ในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เบอร์ซา มาเลเซีย วันแรกราคาสูงสุดของหุ้น KJTS อยู่ที่ 50 ริงกิตมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.23 ริงกิตมาเลเซีย หรือ 85.19% จากราคา IPO ที่หุ้นละ 0.27 ริงกิตมาเลเซีย คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 58.86 ล้านริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 12.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ทั้งทางทะเล ทางอากาศ และการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transport Operation) รวมถึงการให้บริการให้เช่าคลังสินค้า การให้บริการขนส่งทางบก การให้บริการด้านพิธีการศุลกากร และบริการอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการให้บริการโลจิสติกส์ โดยให้คำปรึกษาในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์รวมไปถึงการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันแรกราคาสูงสุดของหุ้น SINO อยู่ที่ 00 บาท เพิ่มขึ้น 0.6 บาท หรือ 42.86% จากราคา IPO ที่หุ้นละ 1.40 บาท คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 408.80 ล้านบาท (ประมาณ 11.31 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำในการสร้างนวัตกรรมเพื่อพัฒนาธุรกิจด้วย Low-Code แห่งแรกของไทยและเอเชีย โดยให้บริการพัฒนาแอปพลิเคชั่นผ่านการโค้ดดิ้งแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ด้วย IT Solutions โดยให้คำปรึกษาในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์รวมไปถึงการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) วันแรกราคาเปิดอยู่ที่ 27.50 บาท เพิ่มขึ้น 10.50 บาท หรือ 61.76% จากราคา IPO ที่หุ้นละ 17.00 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 425 ล้านบาท (ประมาณ 12.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร โดยให้คำปรึกษาในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์รวมไปถึงการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) วันแรก ราคาเปิดอยู่ที่ 21.50 บาท เพิ่มขึ้น 6.50 บาท หรือ 43.3% จากราคา IPO ที่หุ้นละ 15 บาท คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,800 ล้านบาท (ประมาณ 137 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติไทย
ผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีและให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ ไอทีโซลูชั่น แบบครบวงจรของประเทศไทย โดยให้คำปรึกษาในการเสนอขายหุ้นและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) เป็นรายแรก ซึ่งในการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าวมีมูลค่ารวม 80 ล้านบาท (ประมาณ 2.1 ล้านเหรียญสหรัฐ) - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูป และส่วนประกอบอาคารที่ผลิตจากคอนกรีตสำเร็จรูป โดยให้คำปรึกษาในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์รวมไปถึงการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการเสนอขายอยู่ที่ 620.95 ล้านบาท เข้าซื้อขายด้วยราคา IPO ที่ 6 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ประมาณ 900 ล้านบาท (ประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท วินเนอร์ ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่สำคัญที่สุดในประเทศไทย เป็นผู้นำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยให้คำปรึกษาในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์รวมไปถึงการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) วันแรก ราคาเปิดอยู่ที่ 7.30 บาท เพิ่มขึ้น 4.20 บาท หรือ 135% จากราคา IPO ที่หุ้นละ 3.10 บาท โดยมีมูลค่าธุรกรรมรวม 876 ล้านบาท (ประมาณ 29.2 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ทีคิวอาร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านการจัดหาสัญญาประกันภัยต่อและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย รวมไปถึงการพัฒนาธุรกิจอย่างครบวงจร ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากบริษัทประกันภัยชั้นนำในประเทศไทยในการให้บริการ โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการตรวจสอบสถานะ (Due Diligence) และการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) วันแรก ราคาเปิดอยู่ที่ 15.30 บาท มีมูลค่าของการเสนอขาย15 ล้านบาท มูลค่าธุรกรรมรวม 306 ล้านบาท (ประมาณ 10.2 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำการวิจัยพัฒนาน้ำยาทำความสะอาดและฆ่าเชื้อคุณภาพสูงพร้อมเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ทันสมัย เพื่อทำการตลาดเชิงพาณิชย์กับลูกค้าธุรกิจอุตสาหกรรม และกลุ่มลูกค้าครัวเรือน จนเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าด้านน้ำยากลุ่มทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ และซักรีดในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยให้คำปรึกษาในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โดยมีมูลค่าของการเสนอขายทั้งสิ้น 150 ล้านบาท
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท สบายเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (“SABUY”)บริษัทหนึ่งในผู้นำธุรกิจตู้เติมเงินและตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ โดยให้บริการและขายตู้เติมเงินอัตโนมัติ ขายสินค้าผ่านตู้เติมเงินอัตโนมัติ ระบบบริการศูนย์อาหาร และให้บริการการชำระเงิน โดยให้บริการที่ปรึกษาเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้หุ้นกู้ 4 ชุดที่ยังค้างอยู่ (SABUY258A, SABUY254A, SABUY24DA และ SABUY263A) ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2024 โดยมีมูลหนี้หลักจำนวน 4,000 ล้านบาท (ประมาณ 93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) การปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวประกอบด้วยการขยายระยะเวลาชำระหนี้และการปรับอัตราดอกเบี้ย การปรับโครงสร้างหนี้ครั้งนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงตามแผนการฟื้นฟูธุรกิจและการแปลงโฉมธุรกิจภายใต้ทีมบริหารชุดใหม่ของ SABUY
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ในด้านการก่อสร้างบ้าน ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ ในการเข้าทำธุรกรรมเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2568 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 135 ล้านบาท (ประมาณ 92 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างด้านงานวิศวกรรมโยธา และธรณีเทคนิคที่ต้องอาศัยความชำนาญและเทคโนโลยีระดับสูง โดยเฉพาะงานก่อสร้างอุโมงค์ งานระเบิดหิน งานขุดเจาะโดยไม่ใช้ระเบิด งานพัฒนาเหมือง งานเจาะสำรวจ งานคอนกรีตโครงสร้าง งานวิศวกรรมโยธาทั่วไป และงานด้านธรณีวิทยา ในการเข้าทำธุรกรรมเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2567 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 400 ล้านบาท (ประมาณ 83 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เพื่อนแท้ แคปปิตอล จำกัด บริษัทโฮลดิ้งซึ่งถือหุ้นร้อยละ 100 ในบริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ หรือ Pico-Finance โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเกี่ยวกับการออกและเสนอขาย หุ้นกู้ครั้งที่ 1/2567 ชุดที่ 1 และชุดที่ 2 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทยมูลค่าทั้งสิ้น 130 ล้านบาท (ประมาณ 56 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท วอเตอร์เกท โฮเต็ล จำกัด ในเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของหุ้นกู้
ครั้งที่ 1/2562 โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการแก้ไขข้อกำหนดสิทธิในส่วนที่เกี่ยวกับการขยายระยะเวลาชำระหนี้และหลักประกัน การจดทะเบียนแก้ไขทรัพย์สินที่จำนอง และการจดทะเบียนปลอดจำนองสำหรับ หุ้นกู้มีประกันของบริษัท ครั้งที่ 1/2562 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2566 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิ
ไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน โดยมีมูลค่าของการเสนอขายทั้งสิ้น 300 ล้านบาทหรือ (ประมาณ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ) - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เพื่อนแท้ แคปปิตอล จำกัด บริษัทโฮลดิ้งซึ่งถือหุ้นร้อยละ 100 ในบริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ หรือ Pico-Finance โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเกี่ยวกับการออกและเสนอขาย หุ้นกู้ครั้งที่ 2/2566 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทยมูลค่าทั้งสิ้น 150 ล้านบาท (ประมาณ 206 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างด้านงานวิศวกรรมโยธา และธรณีเทคนิคที่ต้องอาศัยความชำนาญและเทคโนโลยีระดับสูง โดยเฉพาะงานก่อสร้างอุโมงค์ งานระเบิดหิน งานขุดเจาะโดยไม่ใช้ระเบิด งานพัฒนาเหมือง งานเจาะสำรวจ งานคอนกรีตโครงสร้าง งานวิศวกรรมโยธาทั่วไป และงานด้านธรณีวิทยา ในการเข้าทำธุรกรรมเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2566 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย มูลค่าทั้งสิ้น 700 ล้านบาท (ประมาณ 37 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เพื่อนแท้ แคปปิตอล จำกัด บริษัทโฮลดิ้งซึ่งถือหุ้นร้อยละ 100 ในบริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ หรือ Pico-Finance โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเกี่ยวกับการออกและเสนอขาย หุ้นกู้ครั้งที่ 1/2566 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทยมูลค่าทั้งสิ้น 100 ล้านบาท (ประมาณ 2.950 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงพลังงานหมุนเวียน และให้บริการด้านวิศวกรรม โดยกลุ่มบริษัทฯ ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในการเข้าทำธุรกรรมเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2566 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย มูลค่าทั้งสิ้น 300 ล้านบาท (ประมาณ 11.6 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงพลังงานหมุนเวียน และให้บริการด้านวิศวกรรม โดยกลุ่มบริษัทฯ ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในการเข้าทำธุรกรรมเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้
ครั้งที่ 1/2566 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย มูลค่าทั้งสิ้น 400 ล้านบาท (ประมาณ 11.6 ล้านเหรียญสหรัฐ) - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างด้านงานวิศวกรรมโยธา และธรณีเทคนิคที่ต้องอาศัยความชำนาญและเทคโนโลยีระดับสูง โดยเฉพาะงานก่อสร้างอุโมงค์ งานระเบิดหิน งานขุดเจาะโดยไม่ใช้ระเบิด งานพัฒนาเหมือง งานเจาะสำรวจ งานคอนกรีตโครงสร้าง งานวิศวกรรมโยธาทั่วไป และงานด้านธรณีวิทยา ในการเข้าทำธุรกรรมเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2566 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย มูลค่าทั้งสิ้น 700 ล้านบาท (ประมาณ 20.37 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัทที่เป็นผู้ผลิตยางพาราคุณภาพชั้นนำของประเทศไทย โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเกี่ยวกับการออกและเสนอขาย หุ้นกู้ครั้งที่ 1/2565 ให้กับ
ผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย มูลค่าทั้งสิ้น 3000 ล้านบาท (ประมาณ 84 ล้านเหรียญสหรัฐ) - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ในด้านการก่อสร้างบ้าน ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ ในการเข้าทำธุรกรรมเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2565 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย มูลค่าทั้งสิ้น 120 ล้านบาท (ประมาณ 3.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างด้านงานวิศวกรรมโยธา และธรณีเทคนิคที่ต้องอาศัยความชำนาญและเทคโนโลยีระดับสูง โดยเฉพาะงานก่อสร้างอุโมงค์ งานระเบิดหิน งานขุดเจาะโดยไม่ใช้ระเบิด งานพัฒนาเหมือง งานเจาะสำรวจ งานคอนกรีตโครงสร้าง งานวิศวกรรมโยธาทั่วไป และงานด้านธรณีวิทยา ในการเข้าทำธุรกรรมเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2565 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย มูลค่าทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท (ประมาณ 28 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงพลังงานหมุนเวียน และให้บริการด้านวิศวกรรม โดยกลุ่มบริษัทฯ ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในการเข้าทำธุรกรรมเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2565 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย มูลค่าทั้งสิ้น 500 ล้านบาท (ประมาณ 14 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่มีสินค้าและบริการมากมายกว่า 1,000 รายการ และได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 98 บริษัทที่อยู่ในรายชื่อ Thailand Sustainability Investment (THSI) หรือรายชื่อหุ้นยั่งยืนประจำปี 2562 ซึ่งจัดทำโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการเข้าทำธุรกรรมเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2563 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย มูลค่าในการเสนอขายทั้งสิ้น 5,000 ล้านบาท (ประมาณ 153.25 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัทที่เป็นผู้ผลิตยางพาราคุณภาพชั้นนำของประเทศไทย โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเกี่ยวกับการออกและเสนอขาย (1) หุ้นกู้ครั้งที่ 2/2564
ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2568 และ (2) หุ้นกู้ครั้งที่ 2/2564 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2569 ซึ่งทั้งสองชุดมีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท (ประมาณ 60 ล้านเหรียญสหรัฐ) - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางนอก และยางในรถจักรยานยนต์ โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) โดยเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 110,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 346,891,630 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ จำนวน 456,891,630 บาท และออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 110,000,000 หุ้น ซึ่งมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 00 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.80 บาท เพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ให้แก่ EG Industries Berhad ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 198 ล้านบาท ) (ประมาณ 5.71 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็น บริษัท ที่ดำเนินธุรกิจโรงงาน คลังสินค้า โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้มีประกันครั้งที่ 2/2561 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทยในเดือนเมษายน 2561 มูลค่าธุรกรรมประมาณ 769,000,000 บาท (ประมาณ 45 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) ในธุรกรรมการจัดสรรหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ตามสัดส่วนการถือหุ้นและการแปลงหนี้เป็นทุน การทำธุรกรรมมีมูลค่าประมาณ 10,000,000,000 บาท (ประมาณ 52 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโรงงาน คลังสินค้า โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้มีประกันครั้งที่ 1/2561 ให้กับ
ผู้ลงทุนสถาบันและ / หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 มูลค่าธุรกรรมประมาณ 4,000,000,000 บาท (ประมาณ 41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) ในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ในประเทศไทย เพื่อนำเงินทุนไปพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคแห่งใหม่ในเวียดนาม ซึ่งบริษัทดังกล่าวถือเป็น บริษัทโฮลดิ้งแห่งที่สามของประเทศไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อระดมทุนในประเทศ เพื่อนำไปใช้ในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งธุรกรรมดังกล่าวมีมูลค่า 1,250 ล้านบาท(ประมาณ 35 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยวันแรกของการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคือวันที่ 16 ธันวาคม 2558
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ออริจิ้นพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมชั้นนำ ในเรื่องของการปรับโครงสร้างบริษัท และเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 150 ล้านหุ้นมูลค่า 1,350 ล้านบาทให้กับประชาชนทั่วไปผ่านการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเริ่มในวันที่ 7 ตุลาคม 2558 โดยเงินทุนดังกล่าวจะช่วยเสริมให้ บริษัท ออริจิ้นพร็อพเพอร์ตี้ (มหาชน) ขึ้นไปสู่ 3 อันดับแรกของผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมด้วยโครงการใหม่ในพื้นที่เชิงกลยุทธ์ ซึ่งมีบริษัท หลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ไทยฟู้ดส์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TFG หรือ Thai Foods) ดำเนินธุรกิจปศุสัตว์แบบครบวงจร โดยให้คำปรึกษาในด้านการปรับโครงสร้างองค์กรและการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ทั้งหมด 5,100 ล้านหุ้นมูลค่าประมาณ 2,145 ล้านบาท (ประมาณ 68 ล้านเหรียญสหรัฐ) เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2558 การเสนอขายหุ้น IPO จะระดมทุนเพื่อขยายการแปรรูปสัตว์ปีกและเนื้อสุกรหลักของไทยฟู้ดส์ และ ธุรกิจอาหารสัตว์ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายทั่วโลกเช่นเดียวกับเงินทุนหมุนเวียนและการชำระหนี้ และมีบริษัท หลักทรัพย์เคทีซีมิโก้ จำกัด ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท บางกอกแร้นช์ จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก โดยการเสนอขายหุ้นจำนวน 228 ล้านหุ้น มูลค่า 2,000 ล้านบาท (ประมาณ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และให้คำปรึกษาแก่ผู้ถือหุ้นในการขายหุ้นให้กับบุคคลในวงจำกัด สถาบัน และผู้ค้าปลีกรายใหญ่ เกี่ยวกับการดำเนินการอนุมัติเรื่องต่าง ๆ ของบริษัท และการปฏิบัติตามกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันแรกของการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคือ วันที่ 15 กรกฎาคม 2561
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เพซดีเวลลอปเมนท์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการให้บริการระดับไฮเอนด์ ในด้านการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด จำนวน 176,350,000 หุ้น สำหรับการซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่น รวมถึงหุ้นที่ออกใหม่จำนวน 320,000,000 หุ้นโดยมอบอำนาจทั่วไปให้กับนักลงทุนสถาบันทั่วโลกในวงจำกัด ซึ่งธุรกรรมดังกล่าวมีมูลค่า 1,489,050,000 บาท (ประมาณ 43 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยในการเสนอขายหุ้นครั้งนี้มีบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และ CLSA Singapore Pte Ltd. เป็นผู้แทนจัดจำหน่าย
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ในส่วนที่เกี่ยวกับการขายผ่านบุคคลในวงจำกัด จำนวนประมาณ 84 ล้านหุ้นซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 10 ให้กับ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี
ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ธุรกรรมดังกล่าวได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2557 - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภครายใหญ่ในประเทศไทย เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างองค์กรและการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) การเสนอขายหุ้นประกอบด้วยหุ้นจำนวน 250 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าเสนอขายทั้งหมด 1,730 ล้านบาท (ประมาณ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัทสินเชื่อผู้บริโภครายใหญ่ในประเทศไทย ในด้านการปรับโครงสร้างองค์กรและการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย 250 ล้านหุ้น มีมูลค่าการเสนอขายรวม 73 พันล้านบาท (ประมาณ 57.7 ล้านเหรียญสหรัฐ) วันที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คือวันที่ 8 พฤษภาคม 2557 โดยมีบริษัท ที่ปรึกษาเอเซียพลัส จำกัด ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Lead Underwriter) ซึ่งบริษัท หลักทรัพย์ ซีมิโก้ บริษัท หลักทรัพย์กสิกรไทย บริษัท หลักทรัพย์ซีไอเอ็มบี และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ร่วม (Co Underwriter)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับสามของประเทศไทย ในการปรับโครงสร้างองค์กรและการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 957 ล้านหุ้น มูลค่าเสนอขายทั้งหมด 9,570 ล้านบาท (ประมาณ 319 ล้านเหรียญสหรัฐ) วันที่เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คือวันที่ 28 เมษายน 2557
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) ในการระดมทุนโดยการออกหุ้นเพิ่มทุน ประมาณ 1 ล้านเหรียญสิงคโปร์ (เทียบเท่ากับประมาณ 140.9 ล้านเหรียญสหรัฐโดยอ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยน 1.25 เหรียญสิงคโปร์ถึง 1.00 เหรียญสหรัฐ) ในฐานะบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX-ST) จะต้องปฏิบัติตามกฎและข้อบังคับของ ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX-ST) รวมไปถึงหลักปฏิบัติในการกำกับดูแลกิจการของสิงคโปร์ 2012 เช่นเดียวกับที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด MML ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ให้ยกเว้นการส่งเอกสารตามสจ. ที่ 35/2552 แบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่และวิธีการยื่นคำขออนุญาตธุรกรรมนี้เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินการเกี่ยวกับการให้บริการท่าเทียบเรือ การให้บริการพื้นที่ฝากเก็บสินค้า และเตรียมความพร้อมก่อนส่งออกสินค้าใน
ท่าเทียบเรือ โดยให้คำปรึกษาในเรื่องที่เกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มูลค่าเสนอขายรวม 2,445.45 ล้านบาท (ประมาณ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ) - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เพซดีเวลลอปเมนท์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการให้บริการระดับไฮเอนด์ ในด้านการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) และ การจดทะเบียนลงทุน (listing of investment) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2556 มูลค่าซื้อขายสูงถึง 70 ล้านเหรียญสหรัฐ (1 พันล้านบาท) โดยมี
บมจ. หลักทรัพย์เอเชียพลัส บล. คันทรี่กรุ๊ป และบล. ไทยพาณิชย์ทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท แมคกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในการปรับโครงสร้างองค์กรและเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยหุ้น 200 ล้านหุ้นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเริ่มต้น 3 พันล้านบาท (ประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยมีบริษัท หลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Lead Underwriter)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ในการปรับโครงสร้างองค์กรและเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) การเสนอขายหุ้นประกอบด้วยหุ้นจำนวน 5 ล้านหุ้นและมีมูลค่า 162.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสรวมถึงการเสนอขายหน่วยลงทุนในประเทศไทยและให้กับนักลงทุนต่างประเทศภายใต้กฎ 144A/Regulation S และการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และการเสนอขายหุ้นในประเทศไทยรวมถึงการเสนอขายในต่างประเทศภายใต้
กฎ Regulation S. Barclays Bank Plc., CIMB Bank (L) Limited และ บริษัท CLSA Singapore Pte.
ในฐานะผู้จัดการระหว่างประเทศ ในขณะที่บมจ. หลักทรัพย์บัวหลวง และบล. เคทีซิมโก้ ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย มูลค่าการซื้อขาย 185 ล้านเหรียญสหรัฐ (6 พันล้านบาท) - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนรายแรกและรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ในการเพิ่มทุนโดยการออกหุ้นใหม่มากถึง 19 พันล้านหุ้นเพื่อจัดสรรผ่านบุคคลในวงจำกัด และการเสนอขายสิทธิ มูลค่าอยู่ที่ประมาณ 388 ล้านเหรียญสหรัฐ
(66 พันล้านบาท) เป็นส่วนหนึ่งของแผนการจัดโครงสร้างทางการเงินที่ครอบคลุม ผู้ถือหุ้นอนุมัติการทำธุรกรรมในเดือนตุลาคม 2555 และมีการดำเนินการเสนอขายและปิดบัญชีในเดือนธันวาคม 2555 - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) ในการเพิ่มทุนจาก ประมาณ 2 พันล้านบาท (39.6 ล้านเหรียญสหรัฐ) เป็นประมาณ 3.5 พันล้านบาท (117.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 2.3 พันล้านหุ้นขึ้นไป จำนวนหุ้นที่ออกใหม่จำนวน 1.6 พันล้านหุ้นในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.00 บาท (ประมาณ 0.10 เหรียญสหรัฐ) ซึ่งจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น และหุ้นใหม่มากถึง 742 ล้านหุ้นให้กับกองทุน HWIC Asia Fund ภายใต้ แบบแผนการเสนอขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจงในวงจำกัด
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 60,000,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 21 บาทรวมเป็นเงิน 26 ล้านบาทและการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ 280,000,000 หน่วยตามเกณฑ์การเสนอขายสิทธิ ซึ่ง บริษัท หลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Lead Underwriter)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท หลักทรัพย์ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับการเพิ่มทุนบริษัท จาก 411 ล้านบาทเป็น 511 ล้านบาทโดยการออกหุ้นสามัญ 200,000,000 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาทรวมเป็นเงิน 200 ล้านบาท
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท วีรีเทล จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่จำนวน 2,325,139,920 หุ้นตามเกณฑ์การเสนอขายสิทธิและบุคคลในวงจำกัด ในปี 2554
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เพซดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ในการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดในปี 2554
- ให้คำปรึกษาแก่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ในการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อกรรมการหรือพนักงาน (หุ้น ESOP) จำนวน 400,000,000 หุ้นภายใต้ TMB Performance Share Bonus 2010 (TMB PSPB 2010)
ด้านการควบรวมกิจการ (Mergers & Acquisitions)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ดีวี8 จำกัด (มหาชน) (“DV8”) ประกอบธุรกิจเอเจนซี่โฆษณา ผลิตสื่อโฆษณาร้านค้าและในห้างชั้นนำในประเทศไทย โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเข้าลงทุนในบริษัท เพลย์กราวด์ เอ็กซ์ (“PGX”) จำกัด โดยการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ PGX จำนวน 1000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้
หุ้นละ 100 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 49 ของทุนจดทะเบียน PGX คิดเป็นมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น
10 ล้านบาท (ประมาณ 289,373 เหรียญสหรัฐ) - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและ
ยังเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชีย โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท กรีนเอิร์ธพาวเวอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (“GEPT”) ที่บริษัทถืออยู่
จำนวน 2,703,260 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 12 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ GEPT ให้แก่ บริษัท อควาเรียส เอสเตท จำกัด ซึ่งเป็น บริษัทย่อยของบริษัท เอเคเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในราคาทั้งสิ้น 750 ล้านบาท (ประมาณ 26.10 ล้านเหรียญสหรัฐ) - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ด๊อปปิโอเทค จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจประเภท ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร ให้บริการด้านการจัดทำซอฟต์แวร์สำเร็จรูป โดยให้คำปรึกษาในการเข้าลงทุนในบริษัท โดยทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน ฟินโนเวนเจอร์ ไพรเวต อิควิตี้ ทรัสต์ หนึ่ง (Finnoventure Private Equity Trust I) ด้วยวิธีการออกและจัดสรรหุ้นบุริมสิทธิจำนวน 16,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 00 บาทโดยมีมูลค่าการเข้าลงทุนทั้งสิ้น 40 ล้านบาท (ประมาณ 1.09 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“DITTO”) ผู้ให้บริการทางด้านระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลแบบครบวงจร (Data & Document Management), การบริหารระบบงาน (Business Process Outsourcing), Data Security, เทคโนโลยีด้านสภาพอากาศ (Climate Technology), คาร์บอนเครดิต และรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยี (Technology Devices & Engineering) โดยให้คำปรึกษาในการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) (“NETBAY”) จำนวน 49,800,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ในราคาหุ้นละไม่เกิน 17.00 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 846,600,000 บาท โดยการเข้าซื้อหุ้นสามัญของ NETBAY จากนายพิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์ (“นายพิชิตฯ”) ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทฯ และบริษัทฯ จะชำระค่าตอบแทน ในการเข้าซื้อหุ้นสามัญของ NETBAY จากนายพิชิตฯ ด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 33,200,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 25.50 บาท รวมเป็นมูลค่าไม่เกิน 846,600,000 บาท (ประมาณ 23.55 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“DITTO”) ผู้ให้บริการทางด้านระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลแบบครบวงจร (Data & Document Management), การบริหารระบบงาน (Business Process Outsourcing), Data Security, เทคโนโลยีด้านสภาพอากาศ (Climate Technology), คาร์บอนเครดิต และรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยี (Technology Devices & Engineering) โดยให้คำปรึกษาในการลงทุนในหุ้นสามัญบริษัท โสมาภา อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) จำนวน 45,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 18 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 1,080,000,000 บาท จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อทำการชำระค่าหุ้น ภายใต้กระบวนการโอนกิจการทั้งหมด (“Entire Business Transfer” หรือ “EBT”) โดยบริษัทจะทำการชำระค่าตอบแทนสำหรับการรับโอนกิจการ ด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ของบริษัท ในราคาต่อหุ้นเท่ากับราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ย้อนหลังเจ็ดวันทำการติดต่อกัน ก่อนวันกำหนดราคาเสนอขายหุ้น จำนวนไม่เกิน 27,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 50 บาท รวมเป็นมูลค่าไม่เกิน 1,080 ล้านบาท (ประมาณ 30.28 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ โรงแรม พูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด ซึ่งเป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดขอนแก่น และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยให้คำปรึกษาแก่ผู้ถือหุ้นเดิมในการจำหน่ายหุ้นสามัญทั้งหมดของ บริษัท โรงแรมราชาออคิด จำกัด จำนวน 400,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1,000 บาท ให้แก่
บริษัท น้ำตาลราชบุรี จำกัด และบริษัท ราชบุรีเอทานอล จำกัด มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 1,200 ล้านบาท (ประมาณ 6 ล้านเหรียญสหรัฐ) - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ไทยอีวี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์รายแรกในประเทศไทย โดยครอบคลุมถึงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้าทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก รถบรรทุกผู้โดยสารไฟฟ้า จนถึงเครื่องชาร์ตไฟฟ้า ในระบบ AC และ DC โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนร่วมกับ Gentari Green Mobility Sdn. Bhd. ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในประเทศไทยชื่อ บริษัท เก็นทาริ โมบิลิตี้ จำกัด (Gentari Mobility Co. Ltd.) รวมไปถึงการจัดเตรียมสัญญากิจการค้าร่วมสำหรับการลงทุนในบริษัทร่วมทุน ซึ่งบริษัทร่วมทุนมีทุนจดทะเบียนจำนวน 50,000,000 บาท ประกอบด้วยหุ้นจำนวน 500,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 มูลค่าธุรกรรมรวมทั้งสิ้น 50,000,000 บาท (ประมาณ 1,365,393 เหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ซินเนอจี้ เอสเตท จำกัด ที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายไปซึ่งหุ้น และรายการที่เกี่ยวโยงกัน โดยการจำหน่ายหุ้นที่ถืออยู่ใน บริษัท โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว จำกัด (“BGA”) ให้แก่บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (“TITLE”) ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท ในจำนวน 900,000 หุ้น โดยคิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ BGA ในราคาซื้อขายมูลค่ารวมทั้งสิ้น 367,724,980 บาท (ประมาณ 31 เหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ทั้งทางทะเล ทางอากาศ และการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transport Operation) รวมถึงการให้บริการให้เช่าคลังสินค้า การให้บริการขนส่งทางบก การให้บริการด้านพิธีการศุลกากร และบริการอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการให้บริการโลจิสติกส์ โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในประเทศมาเลเซียชื่อ Sino Worldwide Logistics Sdn. Bhd รวมไปถึงการจัดเตรียมสัญญากิจการค้าร่วมสำหรับการลงทุนในบริษัทร่วมทุน ซึ่งบริษัทร่วมทุนมีทุนจดทะเบียนจำนวน MYR 900,000 ซึ่งประกอบด้วยหุ้นจำนวน 900,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ MYR 1.00
มูลค่าธุรกรรมรวมทั้งสิ้น MYR 900,000 (ประมาณ 189,843 เหรียญสหรัฐ) - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ซุปเปอร์ริช เคอเรนซี่ เอ็กซ์เชนจ์ (1965) จำกัด ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อันดับหนึ่งของประเทศไทย โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวการเข้าทำธุรกรรมร่วมทุนระหว่างบริษัท และบริษัท ซุปเปอร์ เทอร์เทิล จำกัด (มหาชน) Limited การทำธุรกรรมดังกล่าวรวมถึงการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ชื่อว่า บริษัท ซุปเปอร์ริช เทอร์เทิล เอ็กซ์เชนจ์ จำกัด ซึ่งบริษัทร่วมทุนมีทุนจดทะเบียนจำนวน 250 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยหุ้นจำนวน 250,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท มูลค่าของธุรกรรมอยู่ที่ 250 ล้านบาท (ประมาณ 77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ทีคิวอาร์ จำกัด (มหาชน) (“TQR”) ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านการจัดหาสัญญาประกันภัยต่อและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย รวมไปถึงการพัฒนาธุรกิจอย่างครบวงจร ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากบริษัทประกันภัยชั้นนำในประเทศไทยในการให้บริการ โดยให้คำปรึกษาในการลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท อัลฟ่าเซค จำกัด โดยการเข้าซื้อหุ้นเดิมของบริษัท อัลฟ่าเซค จำกัด จำนวน 88,235 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 15 ล้านบาท และซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 88,236 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 15 ล้านบาท รวมเป็น 176,471 หุ้น ซึ่งภายหลังการเข้าลงทุนดังกล่าวจะทำให้ TQR มีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 00 โดยมีมูลค่าการเข้าลงทุนทั้งสิ้น 30,000,070 บาท (ประมาณ 850,703 เหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด (“UPM”) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดย UPM ดำเนินธุรกิจในฐานะผู้บริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์และมีความประสงค์ที่จะขยายธุรกิจและส่วนแบ่งตลาดผ่านการเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวข้องกับการซื้อหุ้นใน บริษัท โปรเจคส์เอเชีย จำกัด (“ProjectsAsia”) โดย UPM ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมด 5,000 หุ้นจากผู้ถือหุ้นของ ProjectsAsia, บริษัท ฤาสาย คอนซัลแท้นท์ จำกัด และ บริษัทเคมบริดจ์ ทิวดอร์ จำกัด โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 220 ล้านบาท (ประมาณ 47 ล้านเหรียญสหรัฐ) หลังจากการซื้อหุ้นทั้งหมดใน ProjectsAsia แล้ว UPM ได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดใน ProjectsAsia
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท สบายเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) บริษัทหนึ่งในผู้นำธุรกิจตู้เติมเงินและตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ โดยให้บริการและขายตู้เติมเงินอัตโนมัติ ขายสินค้าผ่านตู้เติมเงินอัตโนมัติ ระบบบริการศูนย์อาหาร และให้บริการการชำระเงิน เกี่ยวกับการซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท ทีบีเอสพี จำกัด (มหาชน)
(“TBSP”) จากบริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (“TKS”) ซึ่งภายหลังจากการเข้าลงทุนโดยการซื้อหุ้นสามัญ ของ TBSP จะทำให้บริษัทฯ ถือหุ้นใน TBSP จำนวน 150,061, 118 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 48 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดของ TBSP ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 2,005,022,000 บาท (ประมาณ 66 ล้านเหรียญสหรัฐ) และจำหน่ายหุ้นของบริษัท เวนดิ้ง พลัส จำกัด (“VDP”) ซึ่งบริษัทฯ
ถืออยู่จำนวน 2,583, 720 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 86.12 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของ VDP ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการตู้จำหน่ายเครื่องดื่มและสินค้าาอัตโนมัติ ให้แก่ TBSP ด้วยมูลค่าการขาย 1,022,522,000 บาท (ประมาณ 34 ล้านเหรียญสหรัฐ) - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท สบายเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) บริษัทหนึ่งในผู้นำธุรกิจตู้เติมเงินและตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ โดยให้บริการและขายตู้เติมเงินอัตโนมัติ ขายสินค้าผ่านตู้เติมเงินอัตโนมัติ ระบบบริการศูนย์อาหาร และให้บริการการชำระเงิน ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อหุ้นในบริษัทเป้าหมาย ดังนี้ 1) การเข้าซื้อหุ้นในบริษัท นครหลวง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (“NCAP”) โดยการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ NKON จำนวน 311,699,434 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้ว ทุนที่ชำระแล้วภายหลังการเสนอขายให้แก่บริษัท ในราคาหุ้นละ 50 บาท มูลค่าเสนอขายรวม 779.248 ล้านบาท (ประมาณ 22.52 ล้านเหรียญสหรัฐ) และ 2) การเข้าซื้อหุ้นในบริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด (“BZB”) โดยการซื้อหุ้นสามัญของ BZB จากผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท จำนวน 574,500 หุ้น มูลค่า 970.80 ล้านบาท (ประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายหลังจากบริษัทได้ซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นเดิมของ BZB บริษัทจะเป็นเจ้าของหุ้น BZB จำนวน 574,500 หุ้น หรือร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของ BZB
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท สบายเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) บริษัทหนึ่งในผู้นำธุรกิจตู้เติมเงินและตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ โดยให้บริการและขายตู้เติมเงินอัตโนมัติ ขายสินค้าผ่านตู้เติมเงินอัตโนมัติ ระบบบริการศูนย์อาหาร และให้บริการการชำระเงิน ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อหุ้นในบริษัท ไอซอฟเทล (ประเทศไทย) จำกัด (“iSoftel”) และบริษัท ซอฟต์เทล คอมมูนิเคชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด (“Softel”) โดยการซื้อหุ้นสามัญจำนวน 25,010 หุ้นของ iSoftel ในสัดส่วนร้อยละ 51 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ iSoftel ซึ่งถือหุ้นใน Softel ในสัดส่วนร้อยละ 99 จากบริษัท ไอ เอส เอฟ โฮลดิ้ง จำกัด (“ISF Holding”) ทั้งนี้ ISF Holding จะโอนกิจการทั้งหมดให้กับ Sabuy โดย Sabuy จะชำระโดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 8,742,857 หุ้น ให้กับ ISF Holding ในราคาเสนอขายหุ้นละ 28 บาท รวมเป็นเงิน 244.8 ล้านบาท (ประมาณ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท สบายเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) บริษัทหนึ่งในผู้นำธุรกิจตู้เติมเงินและตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ โดยให้บริการและขายตู้เติมเงินอัตโนมัติ ขายสินค้าผ่านตู้เติมเงินอัตโนมัติ ระบบบริการศูนย์อาหาร และให้บริการการชำระเงิน โดยให้บริการที่ปรึกษาเกี่ยวกับการได้มาซึ่งหุ้นในบริษัท อุ๊ปส์ เน็ตเวิรค์ จำกัด (“MKO”) โดยการซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วนร้อยละ 50 ของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดของ MKO นอกจากนี้ บริษัทยังได้ลงทุนในบริษัท เรดเฮ้าส์ ดิจิทัล จำกัด (“RH”) โดยการซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วนร้อยละ 50 ของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดของ RH โดยการซื้อและรับโอนทรัพย์สินและหนี้สินทางธุรกิจทั้งหมดจาก บริษัท อุ๊ปส์ มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด (“MKO Holding”) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับธุรกรรมการลงทุนใน MKO และ RH และค่าตอบแทนในการซื้อและรับซื้อกิจการทั้งหมดของ MKO Holding จะชำระโดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 3,571,428 หุ้นให้กับ MKO Holding ในราคาหุ้นละ 28 บาท รวมเป็นเงิน 99 ล้านบาท (ประมาณ 2.8 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ที เอ็น กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“TN Group”) ผู้ให้บริการโซลูชั่นชั้นนำของประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและแพลตฟอร์มประหยัดพลังงานที่ดีที่สุดในโลก ผลิตและนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ บริษัท ทีเอ็น ปั๊มส์ โซลูชั่น จำกัด (“TN Pumps”) ซึ่งร่วมทุนระหว่าง TN Group กับบริษัทสัญชาติเยอรมันอีก 2 แห่ง คือ Speck Pumpen Walter Speck GmbH & Co. KG และ FLUX-GERÄTE GMBH โดยมีเป้าหมายหลักคือการทำหน้าที่เป็นผู้นำเรื่องปั้มเคมี ปั้มสูบของเหลวที่มีความหนืดสูง สำหรับทุกอุตสาหกรรม ด้วยมาตรฐานคุณภาพ โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท 2 ล้านบาท
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ที เอ็น กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“TN Group”) ผู้ให้บริการโซลูชั่นชั้นนำของประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและแพลตฟอร์มประหยัดพลังงานที่ดีที่สุดในโลก ผลิตและนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ บริษัท เคเจทีเอ็น เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (“KJTN”) ซึ่งร่วมทุนระหว่าง TN Group และ KJ Technical Services Sdn. Bhd. ประเทศมาเลเซีย เป้าหมายหลักของ KJTN คือการทำหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการระบบจัดการพลังงาน ตลอดจนระบบบริหารจัดการทรัพยากรภายในอาคารอย่างมี ประสิทธิภาพ ในระดับภูมิภาคสำหรับภาคอุตสาหกรรม โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท
11 ล้านบาท - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยและเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ชื่อ บริษัท ออริจิ้น เอ็นเนอร์ยี จำกัด (“Origin Energy”) และการเข้าลงทุนใน บริษัท เวล เอ็นเนอร์จี้ มูฟ จำกัด (“WHALE”) ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่จัดหา นำเข้า และจำหน่ายก๊าซธรรมชาติเหลว แหล่งกำเนิดพลังงาน ซึ่งทางสำนักงานได้ให้บริการ Origin Energy ในด้านการตรวจสอบสถานะกิจการ การจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 3,000,000 หุ้นของ WHALE คิดเป็นร้อยละ 75 ของจำนวนหุ้น WHALE ทั้งหมด และการจัดทำสัญญาจองซื้อหุ้นและสัญญาผู้ถือหุ้น มูลค่าธุรกรรมรวม 40 ล้านบาท (ประมาณ 33 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ สยามเลเซอร์คลินิก (“SLC”) หนึ่งในธุรกิจด้านผิวพรรณ และความงามแบบองค์รวมของประเทศไทยที่มีสาขามากกว่า 15 แห่งทั่วประเทศ โดยให้บริการที่ปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทเพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยในการทำธุรกรรมครั้งนี้สำนักงานได้ให้บริการในเรื่องการโอนทรัพย์สินจากบริษัท เอสเทติก โซลูชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยแห่งหนึ่งไปยังอีกบริษัทหนึ่งคือ บริษัท เอสเทติก อานเซอร์ จำกัด โดยการเพิ่มทุนและการชำระค่าหุ้นด้วยทรัพย์สินอื่น มูลค่าธุรกรรมรวม 31 ล้านบาท (ประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท สบายเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (“Sabuy”) บริษัทหนึ่งในผู้นำธุรกิจตู้เติมเงินและตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ โดยให้บริการและขายตู้เติมเงินอัตโนมัติ ขายสินค้าผ่านตู้เติมเงินอัตโนมัติ ระบบบริการศูนย์อาหาร และให้บริการการชำระเงิน เกี่ยวกับการให้ บริษัท สบาย แคปปิตอล พลัส จำกัด (“SBCAP”) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของ Sabuy เข้าซื้อหุ้นสามัญใน บริษัท เลิฟ ลิสซิ่ง จำกัด (“LoveLeasing”) จำนวนไม่เกิน 1,540,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 100 ของหุ้นทั้งหมด โดยมีมูลค่าการขายทั้งสิ้นจำนวนไม่เกิน 400,000,000 บาท (ประมาณ 94 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท สมาร์ทพร็อพ แอสเสท แมเนจเมนท์ จำกัด (“Smartprop”) ในการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นและเพิ่มทุนจดทะเบียน 90 ล้านบาท (ประมาณ 3 ล้านเหรียญสหรัฐ) จากนั้นดำเนินการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 100,000 หุ้น และหุ้นบุริมสิทธิที่ออกใหม่จำนวน 800,000 หุ้น สำหรับเงินลงทุนมูลค่ารวม 90 ล้านบาท (ประมาณ 3 ล้านเหรียญสหรัฐ) ใน บริษัท บริหารสินทรัพย์ชโย เจวี จำกัด (“Chayo JV”) ซึ่งเป็น บริษัท ย่อยของ บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“Chayo”) ซึ่งการเพิ่มทุนใน Smartprop และการเข้าซื้อหุ้นใน Chayo JV มีมูลค่า 180 ล้านบาท (ประมาณ 6 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดย Chayo มุ่งเน้นไปที่การเติบโตของรายได้ที่เกิดจากการลงทุนและการจัดการสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ตลอดจนจากบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่เป้าหมายของ Chayo JV คือการลงทุนและ/หรือร่วมลงทุนในการบริหารสินทรัพย์และ/หรือธุรกิจอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบัน Chayo JV ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท แอสเซทโปรแมเนจเม้นท์ จำกัด บริษัทที่ให้บริการให้คำปรึกษาทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ โดยได้ให้คำปรึกษาแก่บริษัทเกี่ยวกับตราสารการโอนหุ้น
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ธีระมงคลอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ควบคุมระบบแสงสว่างที่เปิดดำเนินการมากว่า 30 ปี และได้รับการยอมรับในระดับสากล เกี่ยวกับการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินทั้งหมด และการเพิ่มทุน
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในเรื่องที่เกี่ยวกับการตรวจสอบสถานะการได้มาของหุ้นในบริษัทจำกัดที่ดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาคลังสินค้าในกรุงเทพฯ
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นกลุ่มสื่อและคอนเทนต์อันดับ
ต้น ๆ ของประเทศไทย และเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจทีวีดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทย โดยเป็นอันดับสามของช่องทีวีที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวข้องกับการเสนอขายหุ้นให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องในคู่สัญญา - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท คลังสินค้า เคมี จำกัด ที่ดำเนินงานในฐานะผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการนวัตกรรมเคมีภัณฑ์ และตัวทำละลายทั่วไปและชนิดพิเศษ ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย โดยให้คำปรึกษาทางกฎหมายเกี่ยวกับงานด้านการกำกับดูแลกิจการ การตรวจสอบวิเคราะห์สถานะของกิจการ และงานที่เกี่ยวข้องกับการขายหุ้น
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ศรญา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ที่ดำเนินธุกิจโรงแรม รีสอร์ท และห้องชุดตั้งอยู่ที่จังหวัดกระบี่ โดยให้คำปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบสถานะ และสัญญาการได้มาของหุ้นในบริษัท
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็น บริษัท มหาชน จำกัด จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยให้คำปรึกษาในการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดมูลค่า 200 ล้านบาท ในบริษัท เบค ชีส ทาร์ต (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นบริษัททาร์ตอบที่มีชื่อเสียงจากประเทศญี่ปุ่น
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท วัฒนภักดี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจำกัดใหม่โดย คุณฐาปน และคุณปณต สิริวัฒนภักดี ในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนจาก บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่เป็นบริษัทอันดับหนึ่งของประเทศไทยในธุรกิจสิ่งพิมพ์ โดยได้เสนอผ่านการจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด ได้รับการอนุมัติจากมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของกิจการ (whitewash) หลังจากการจองซื้อหุ้น บริษัท วัฒนภักดี จำกัด กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) โดยถือหุ้น
ประมาณ 62 เปอร์เซ็นต์ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของอมรินท์ การดำเนินงานสิ้นสุดในวันที่ 13 มีนาคม 2017 - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในเรื่องที่เกี่ยวกับปัญหาของหุ้นใหม่ของ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON บริษัทย่อยของ บริษัท เฟรเซอร์ส เซ็นเตอร์พอยท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX-ST) หลังจากมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชัน จำกัด (มหาชน) หรือ TICON ผ่านการจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด โดยดำเนินงานสิ้นสุดในวันที่ 17 มกราคม 2560 คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 13,230,000,000 บาท (ประมาณ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท North Haven Private Equity Asia Angel Company Limited บริษัทจัดการกองทุนและหุ้นนอกตลาด บริหารโดย มอร์แกน สแตนลีย์ ซึ่งทางสำนักงานได้ให้คำปรึกษาในการเข้าซื้อหุ้น 25% ของหุ้นทั้งหมดใน บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (DSGT) ซึ่งทำกิจการเกี่ยวกับการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลแบบใช้แล้วทิ้งทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีบริษัทย่อยในสิงคโปร์มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ ใช้วิธีการทำคำเสนอซื้อโดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer) ข้อตกลงนี้มีมูลค่า 614 พันล้านบาท หรือ 46 ล้านดอลลาร์สหรัฐคิดเป็น 25.63% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดใน DSGT ดำเนินการเสร็จสิ้นในวันที่ 10 ตุลาคม 2559
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ในการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 685 ล้านหุ้นให้แก่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็น บริษัท ย่อยของบริษัท เฟรเซอร์ส เซ็นเตอร์พอยท์ จำกัด หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ ข้อตกลงนี้มีมูลค่า 97.พันล้านบาท หรือ ประมาณ 131.7 ล้านเหรียญสหรัฐ นี่เป็นข้อตกลงครั้งแรกที่ดำเนินการภายใต้กฎใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการเสนอขายหุ้นไปยังการจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PACE) ในการเข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท ย่อย ได้แก่ บริษัท เพซ เรียลเอสเตส จำกัด 31% บริษัท เพซ โปรเจควัน จำกัด 15% บริษัท เพซ โปรเจคทู จำกัด 15% และบริษัท เพซ โปรเจคทรี จำกัด 15% อีกทั้งยังให้คำปรึกษาในเรื่องการโอนภาระผูกพันทางการเงิน (financial obligations) ของ บริษัท ย่อยสี่แห่งนี้จาก IBC Holding Ltd. ซึ่งเป็น บริษัท ย่อยของ Industrial Building Corporation Ltd. (บริษัทที่จดทะเบียนในประเทศอิสราเอล) และ IDJ Holdings Limited ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ บริษัท เพซ เรียลเอสเตส จำกัด ธุรกรรมนี้มูลค่าประมาณ
1,944 ล้านบาท (64 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นวันที่ 31 มีนาคม 2558 - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท วีรีเทล จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้น 100% ของ บริษัท เซ็นเตอร์พอยท์ จำกัด ซึ่ง บริษัท แคปปิตอลแอดแวนเทจ จำกัด ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระในปี 2554
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบางกอกแอร์เวย์ส ในการซื้อหุ้น
170 ล้านหุ้นในบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ในปี 2554 - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในกระบวนการตรวจสอบสถานะของ บริษัท เอพีเอ็มซี จำกัด และ บริษัท ทีจีเอ็ม จำกัด ในปี 2554
- ให้คำปรึกษาแก่ CVC Capital Partners ในกระบวนการตรวจสอบสถานะในการเข้าซื้อหุ้น 100% ใน บริษัท แคพซูลเจล (ประเทศไทย) จำกัดในปี 2554
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับการกระทำและการดำเนินการเกี่ยวกับสัญญา Exclusive Bottling Appointment Agreement (EBA) ระหว่างบริษัทฯ กับกลุ่มเป็ปซี่ รวมไปถึงการดำเนินการภายหลังที่ได้รับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จาก บริษัท จาก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ โลจิสติกส์ จำกัด ในปี 2554
ด้านกฎหมายองค์กรธุรกิจ (Corporate and Commercial)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด โดยให้บริการที่ปรึกษากฎหมายเกี่ยวกับโครงสร้างบริษัท การบริหารจัดการบริษัท ที่ปรึกษาคณะกรรมการ และระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ในเรื่องของการให้คำปรึกษาบริษัทเป็นการทั่วไป และให้คำปรึกษาด้านหลักทรัพย์และการกำกับดูแลตามกฎระเบียบ
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) โดยให้บริการด้านกฎหมายเกี่ยวกับการร่างสัญญาและการตรวจสอบสัญญา
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ทีคิวอาร์ จำกัด (มหาชน) โดยให้บริการด้านเลขานุการบริษัท และให้คำปรึกษาบริษัทเป็นการทั่วไป
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท วินเนอร์ ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) โดยให้บริการที่ปรึกษากฎหมายเกี่ยวกับหลักทรัพย์และการกำกับดูแลตามกฎระเบียบ และให้คำปรึกษาบริษัทเป็นการทั่วไป
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท มีโชคขนส่ง จำกัด บริษัทในเครือมีโชคกรุ๊ป มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจขนส่งมากกว่า 30 ปี โดยให้บริการด้านกฎหมายเกี่ยวกับการจดทะเบียนบริษัทโฮลดิ้ง และการปรับโครงสร้างทุนของบริษัท
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน)โดยเป็นที่ปรึกษากฎหมายในการให้คำแนะนำทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการของบริษัท โครงสร้างบริษัท การบริหารจัดการบริษัทที่ปรึกษาคณะกรรมการ และระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) โดยให้บริการที่ปรึกษาเกี่ยวกับการลงทุนเครื่องจักรอัตโนมัติสำหรับแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป และเครื่องจักรอัตโนมัติ (Carrousel System) สำหรับการผลิตชิ้นส่วนแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป รวมถึงการตรวจสอบสัญญาซื้อขาย ซึ่งในการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าวมีมูลค่ารวม 246 ล้านบาท (ประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท แอโร กรุ๊ป (1992) จำกัด บริษัทที่ให้บริการงานสร้างระบบและซ่อมบำรุง
ไฮดรอลิค นิวแมติกแบบครบวงจร ออกแบบและติดตั้งเกี่ยวกับสินค้าด้าน IoTรวมไปถึงให้บริการเกี่ยวกับพลังงานทดแทน โดยให้บริการด้านกฎหมายเกี่ยวกับการตรวจสอบสัญญาจ้างดูแลและปรับปรุงระบบ Software WMS/WCS - ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท พรีโม อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ จำกัด โดยให้บริการด้านกฎหมายเกี่ยวกับการร่างสัญญาบริการให้คำปรึกษาด้านการประกันภัย สัญญาแต่งตั้งตัวแทนนายหน้า และสัญญาพนักงานขายสินค้าและบริการทางโทรศัพท์
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท คลีน แอนด์ โก จำกัด โดยให้บริการที่ปรึกษากฎหมายเกี่ยวกับการจดทะเบียนสิทธิบัตรต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท พานาโซนิค แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยให้บริการที่ปรึกษากฎหมายด้านกฎหมายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย พ.ศ. 2562 (2019) (“PDPA”).
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) โดยให้บริการที่ปรึกษากฎหมายด้านการแปลและรับรองเอกสาร
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) โดยให้บริการที่ปรึกษากฎหมายเกี่ยวกับการจดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้ว จดทะเบียนลดทุน และจดทะเบียนเพิ่มทุน
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยให้บริการที่ปรึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ไทยคาลิ จำกัด ประกอบธุรกิจการสำรวจ พัฒนา และดำเนินการเหมืองใต้ดินเพื่อสกัดทรัพยากรแร่โปแตช ตั้งอยู่ที่อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา โดยให้คำปรึกษาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสัญญา
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท คินน์ เวิลด์ไวด์ จำกัด เป็นผู้นำด้านโภชนเภสัชในการคิดค้นและนำเสนอผลิตภัณฑ์สุขภาพด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ โดยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจดทะเบียนเพิ่มทุนบริษัท
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) และกลุ่ม บริษัท ในเรื่องของการให้คำปรึกษาด้านองค์กรทั่วไป และการกำกับดูแลกิจการและการดำเนินธุรกิจหลังจากเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO เป็นประจำทุกปี)
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างองค์กรภายในกลุ่มบริษัท และให้คำปรึกษาบริษัทเป็นการทั่วไป
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) โดยให้บริการด้านเลขานุการบริษัท และให้คำปรึกษาบริษัทเป็นการทั่วไป
- ให้คำปรึกษาแก่ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) โดยให้บริการด้านเลขานุการบริษัท และให้คำปรึกษาบริษัทเป็นการทั่วไป
- ให้คำปรึกษาแก่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีของทีเอ็มบีในปี 2554